รีวิวการฝึกสหกิจกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย เมท (สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง)

สวัสดีครับ ผมชื่อ เมท ชื่อจริง นาย พรวนัช บุญมั่น เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และนวัตกรรม ช่วงระยะเวลาเวลาในการฝึกงานคือตั้งแต่เดือน 3 มกราคม – 5 พฤษภาคม 2566 ผมจะมารีวิวการฝึกงานที่ Banana Coding ครับ  

รู้จักกับ บานาน่า โคดดิ้ง ได้ยังไง ? แล้วทำไมถึงเลือกมาฝึกกับที่นี่ล่ะ ? 

ช่วงภาคเรียนที่ 1 ของชั้นปีที่ 4 ทางมหาลัยเริ่มให้มีการหาบริษัทที่จะไปสหกิจในเทอมที่ 2 จึงได้มองหาบริษัทที่อยู่ในเชียงใหม่เป็นหลักเพราะส่วนตัวชอบอยู่ที่เชียงใหม่ จึงได้มองหาบริษัทจากใน Linkin แล้วได้เจอ Banana Coding ในตอนแรกยังไม่ได้ตัดสินใจจะยื่นที่นี่เลยแต่ได้ลองอ่าน Blog ในเว็บของบริษัทและกดติดตามเพจของบริษัทหลังจากได้อ่านรีวิวจากใน Blog แล้วทำให้คิดว่าเป็นน่าจะเป็นบริษัทที่บรรยากาศในการทำงานที่ดีและน่าจะเป็นที่ที่เริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้ จึงตัดสินใจยื่นขอสหกิจศึกษาที่ Banana Coding  

ช่วงแรกช่วง Bootcamp  
ด้วยความที่เป็นช่วงปิดเทอมแล้วไม่รู้จะทำอะไรเลยขอพี่เข้ามาเริ่มฝึกงานก่อนถึงเวลากำหนดจริงสองสัปดาห์น่าจะเพราะความตื่นเต้นที่จะได้ฝึกงานเลยอยากเริ่มฝึกไวๆ และพี่ก็ได้ให้เข้ามาฝึกงานก่อนกำหนดได้ โดยช่วงของการสหกิจจะได้ Bootcamp ก่อนเป็นเวลาสองสัปดาห์ วันแรกจะเป็นการแนะแนวกฏของบริษัทและสถานที่ต่างๆ ของบริษัท วันต่อๆ มาจะเริ่มเป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ ที่ทางบริษัทใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วงเรียนไม่ได้เจอทำให้รู้สึกว้าวกับอะไรหลายๆอย่าง 

ช่วงที่สองหลังจาก Bootcamp

หลังจาก Bootcamp เสร็จแล้วจะได้ลงทำโปรเจคด้วยความที่มหาลัยแม่ฟ้าหลวงจะมีช่วงสหกิจที่ไม่ตรงกับมหาลัยอื่นๆ ดังนั้นจึงมีเพื่อนที่มาสหกิจก่อนทำโปรเจคอยู่ก่อนแล้วพอได้เริ่มมาทำโปรเจคด้วยได้เริ่มคุยมากขึ้นสนิทกับเพื่อนๆ มากขึ้นทำให้เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศการทำงานเป็นอย่างที่หวังไว้ก่อนที่จะจะยื่นมาฝึกงาน   ช่วงแรกที่มาลงโปรเจคด้วยเทคโนโลยีที่บริษัทใช้ทำโปรเจคเป็นเทคโนโลยีที่เราไม่เคยได้ใช้รู้สึกไม่คล่องและประหม่ามากๆ เวลาทำงานในช่วงสองสามสัปดาห์แรกที่ได้ทำโปรเจค พอเริ่มจับจุดได้รู้สึกแฮปปี้ขึ้นกับการทำงานแต่ด้วยความที่เพื่อนที่มาสหกิจและได้ทำโปรเจคนี้อยู่ก่อนมีกำหนดการสกิจเสร็จก่อนเราทำให้ได้ทำโปรเจคนี้คนเดียวรู้สึกหัวหมุนมากกับการได้เป็น  Full Stack แต่เป็นอะไรที่ท้าทายและตื่นเต้นมากๆ เวลาทำงานเสร็จได้ตาม Sprint ที่วางไว้ในแต่ละสัปดาห์ 

ช่วงท้ายของการฝึกงาน

ช่วงท้ายๆ ของการฝึกงานหลังจากได้ทำโปรเจคแรกไปในส่วนของช่วงท้ายได้มาย้ายมาทำอีก     โปรเจคหนึ่งที่มีความยากมากกลับไปความรู้สึกเดิมตอนได้ทำโปรเจคแรกรู้สึกประหม่าแต่พอเริ่มปรับได้ก็ทำโปรเจคได้คล่องขึ้นถึงจะมีปวดหัวบ้างบ่อยครั้ง >< แต่โดยภาพรวมแล้วการที่ได้มาสหกิจที่ Banana Coding เป็นไปตามอย่างที่คิดไว้ก่อนที่จะตัดสินใจมาสหกิจศึกษาที่นี่ได้เพิ่มทักษะใหม่ๆ มากขึ้นความเป็นระบบในการทำงานได้เทคนิคใหม่ๆ จากเพื่อนๆ และพี่ๆ ในที่ทำงานและ bug ที่เพื่อนๆทิ้งไว้ให้ TT  

สุดท้ายนี้ผม ขอขอบคุณทางบริษัท บานาน่า โคดดิ้งที่มอบโอกาสและประสบการณ์ดีๆ ตลอดการสหกิจครั้งนี้ เป็นประสบการณ์การทำงานที่ดีมากๆ ครับ 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย พาย (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน)

แนะนำตัว

สวัสดีค่ะ เราชื่อพาย เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา จะมาขอเล่าประสบการณ์ฝึกงานสหกิจเป็นระยะเวลา 4 เดือนกับบริษัทบานาน่าโค้ดดิ้งนะคะ 

ทำไมถึงเลือกมาฝึกงานที่นี่ ? 

เริ่มจากการเราที่เจอบล็อครีวิวการฝึกงานที่บริษัทบานาน่า โค้ดดิ้งระหว่างที่กำลังหาที่ฝึกงานอยู่ค่ะ หลังจากที่ได้อ่านรีวิวก็รู้สึกได้เลยว่าที่นี่เป็นบริษัทที่ดีจังเลย อยากมาฝึกงานที่นี่ แต่ก็ติดปัญหาระหว่างการตัดสินใจที่ว่าตัวเราเองเราอยู่ต่างจังหวัด แถมยังไกลมาก ๆ ด้วย จะลำบากเรื่องเดินทาง เรื่องความเป็นอยู่ไหมนะ แต่ก็ตัดสินใจกรอกข้อมูลสมัครในเว็บ Fitting มาก่อน ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน ช่วงระหว่างที่รอการตอบกลับก็ลุ้นมาก ๆ แต่สุดท้ายเราก็ได้มีโอกาสได้เข้าสัมภาษณ์ค่ะ ตอนที่สัมภาษณ์ก็มีให้แนะนำตัวเอง เล่าว่าตัวเองเคยมีประสบการณ์ทำอะไรมาบ้าง พี่ ๆ ที่เข้าสัมภาษณ์ค่อนข้างเป็นกันเอง บรรยากาศเลยไม่เกร็งเท่าที่คิดไว้ หลังจากวันสัมภาษณ์ไม่กี่วันทางบริษัทก็ติดต่อกลับมาค่ะว่าเราผ่านสัมภาษณ์ แล้วก็นัดแนะเรื่องการเดินเอกสารฝึกงานแล้วก็วันที่เริ่มฝึกงาน 

เริ่มการฝึกงาน 

วันแรกที่เริ่มฝึกงานก็มีการแนะนำบริษัท ชี้แจงระเบียบ การทำงานต่าง ๆ สอนใช้ระบบลงเวลาทำงานและพา Set up โปรแกรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการทำงาน นอกจากนั้นยังได้ทำความรู้จักกับพี่ ๆ ภายในบริษัท และเพื่อน ๆ ต่างมหาลัยที่จะได้ฝึกงานด้วยกัน และหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่ช่วง Bootcamp ที่เป็นการปูพื้นฐานการทำงานให้เราค่ะ โดยพี่ ๆ เขาจะผลัดเปลี่ยนกันมาสอนในแต่ละหัวข้อเช่น Azure Board , Git , Ruby on Rails , HTML , CSS , Java Script , Type Script , Angular , Rspec , Banana Testing และหลังเรียนจบก็จะมีการบ้านให้ได้กลับมาทบทวนเรื่องที่ได้เรียนด้วย 

ช่วงทำโปรเจ็ค 

หลังจากจบช่วง Bootcamp แล้ว ก็จะได้เริ่มทำโปรเจ็คแล้วค่ะ โดยโปรเจ็คที่ได้ทำมีชื่อว่า New Banana Testing ซึ่งเป็นระบบบันทึกข้อมูลการทดสอบระบบที่รีดีไซน์จาก Banana Testing เดิม โดยใช้ Ruby on Rails และ Angular ในการพัฒนา ระหว่างการทำโปรเจ็คจะมีการ Sprint เพื่อให้พี่ Project Manger ของโปรเจ็ค แจกแจงงานในแต่ละสัปดาห์ว่าสัปดาห์นี้เราจะได้ทำอะไร ตรงไหนกันบ้าง และมีการประชุม Friday Meeting ให้เราได้อัพเดตความคืบหน้าของงานค่ะ ในระหว่างทางก็จะได้รับคำแนะนำจากพี่ ๆ ค่ะ อย่างเช่นเรื่องแนวทางการเขียนโค้ด ลอจิคและแนวคิดต่าง ๆ 

บรรยากาศในการทำงาน 

แรก ๆ ก็มีรู้สึกเกร็ง ทำตัวไม่ถูกเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ฝึกงานมาได้ระยะนึงก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ พี่ ๆ ในบริษัทก็ไม่ได้กดดัน หรือเคร่งเครียดอะไร ทุกคนเป็นกันเองมาก ๆ สามารถคุยหรือปรึกษาเรื่องงานได้หมดเลย รวมถึงมีน้ำ ขนมให้กินระหว่างวันได้ด้วย บางครั้งก็มีการกินเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆ บ้าง และที่ขาดไม่ได้คือน้องแมวที่ชอบกระโดดขึ้นมานั่งทับคีย์บอร์ดเราค่ะ(ฮา) น้อง ๆ ก็เป็นมิตรกับผู้คนเหมือนกัน เป็นอีกส่วนหนึ่งเลยที่ทำให้ระหว่างการทำงานไม่เครียด  

สิ่งที่ได้รับจากการฝึกงาน 

ได้ประสบการณ์หลายอย่างที่ใหม่มาก ๆ ทั้งในเรื่องการทำงานที่ได้ใช้ภาษา Framework หรือ Tools ที่เราไม่เคยใช้มาก่อน ได้มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งคำแนะนำในการทำงาน ในการเขียนโค้ด ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับเราเลยค่ะ 

ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่คอยดูแล ช่วยเหลือตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ได้มาฝึกงานนะคะ ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่ได้ฝึกงานด้วยกันที่คอยช่วยเหลือกันระหว่างทำงาน และขอบคุณทางบริษัทบานาน่า โค้ดดิ้งที่เปิดโอกาสให้ได้มาเรียนรู้ประสบการณ์ดี ๆ ที่นี่ ขอบคุณค่ะ 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย หมิง (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่)

สวัสดีครับ ผมชื่อหมิง เป็นนักศึกษาภาคพิเศษ (เสาร์-อาทิตย์) จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 4 โดยการฝึกประสบการณ์ครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 4 เดือน  

ช่วง Bootcamp 

ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ จะมี bootcamp สำหรับให้นักศึกษาฝึกงานได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่จำเป็นในการพัฒนาโปรแกรมในอนาคต โดยเริ่มจากการเรียนรู้การใช้งาน Git, Azure board ฯลฯ และแนวทางการทำงานของบริษัท จากนั้นก็จะมีพี่ ๆ แต่ละคนจะวนกันมาสอนในแต่ละหัวข้อ ทั้ง HTML, CSS, Ruby, Rails, Angular, TypeScript, DevOps, Testing ฯลฯ และเราต้องนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่ ๆ แต่ละคนไปพัฒนาโปรเจค Hungry Intern ( ในช่วง bootcamp พี่ ๆ แอบหนีเที่ยวทะเลแล้วปล่อยน้องฝึกงานทำงานกันเอง  >*.*< )  

หลัง Bootcamp 

หลังจบการ Bootcamp จะเป็นการเข้าสู่โปรเจค New Banana Testing โดยจะมีพี่ project manager นัดคุย scope งานและแนะนำขั้นตอนการทำงานเลยตั้งแต่วันแรกเลย ซึ่งโปรเจคนี้เป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมครั้งแรกของผมกับเพื่อนๆ อีก 2 คน (รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าผมจะไปทำให้โค้ดเพื่อนระเบิดตอนไหน ^.^ ) แต่ปัญหาหลักที่ผมพบเจอในตอนนั้นเลยคือ เจ้าตัว Azure ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันทำงานยังไง ต้องใช้คำสั่งยังไง ผมต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยเหมือนกัน กว่าจะเข้าใจมันได้ ตัวโปรเจค New Banana Testing นี้มีจะพี่เมาส์ (รุ่นพี่ฝึกงาน February 28, 2022 สามารถเลื่อนลงไปดูพี่เขาได้ครับ ) เป็นพี่เลี้ยง ที่จะคอยตรวจโค้ด ให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาและโจทย์ที่เจอ  

บรรยากาศการทำงานที่ Bananacoding เป็นการทำงานออกแนวรุ่นพี่สอนรุ่นน้อง ซึ่งพี่ ๆ ส่วนมากในบริษัท ก็เคยผ่านจุดที่เรากำลังเป็นอยู่มาแล้ว พี่ ๆ จะยินดีให้ความช่วยเหลือกับน้อง ๆ ทุกคนที่สอบถามเสมอด้วยความเต็มใจ และช่วงเวลาพักเที่ยงหรือหลังเลิกงานเราก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ที่พี่ๆ ในบริษัทจะชวนเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นเกมการ์ด ปิงปอง เป็นต้น… 

ได้อะไรจากที่นี่ 

– ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ที่มาจากแต่ละมหาลัย (เพื่อนๆ แต่ละคนเก่งกันมาก) 

– ได้เรียนรู้วิธีการทำงานจริง มีการ stand-up meeting ทุกวัน, sprints meeting ทุกวันจันทร์, demo งานที่ทำอยู่ใน Friday meeting 

– และอื่นๆอีกมากมาย … 

สุดท้ายนี้ผมต้องขอบคุณพี่ๆ และเพื่อนทั้ง 2 คนที่คอยช่วยเหลือผมตลอดในทุก ๆ ปัญหา และผมอยากจะแนะนำ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่กำลังมองหาที่ฝึกงานอยู่ หรือกำลังลังเลที่จะเลือกที่นี่ดีไหม ผมจะบอกว่า เลือกที่นี่เลยครับ แล้วคุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากที่นี่กลับไปอย่างแน่นอน ขอบคุณครับ 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ภูมิ (วิศวะกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา)

สวัสดีครับ ผมชื่อ ภูมิ เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาเชียงใหม่ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การสหกิจกับบริษัท บานาน่า โคดดิ้ง ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ตั้งเเต่วันที่ 7 พฤษจิกายน – 24 กุมภาพันธ์ 2566 ให้ทุกคนฟังครับ 

รู้จักกับ บานาน่า โคดดิ้ง ได้ยังไง ? แล้วทำไมถึงเลือกมาฝึกกับที่นี่ล่ะ ? 

เริ่มจากก่อนปลายปี 2565 ทางมหาลัยก็ได้ให้คนที่จะเตรียมตัวที่จะลงสหกิจเทอมหน้าได้ทำการเริ่มหาบริษัทที่จะต้องสหกิจเเล้วจากนั้นผมก็เริ่มหาบริษัทที่จะสหกิจโดยหาข้อมูลจาก Internet โดยมี Target ในจังหวัดเชียงใหม่โดยค้นหาไปค้นหามาก็ได้เจอกับริวิว Blog ของบริษัทบานาน่าโคดดิ้งเข้าผมก็เลยนั่งอ่านรีวิวจนเพลิน จนเวลาผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ จนตัดสินใจส่งใบสมัคร จากวันที่ส่งใบสมัครประมาณ 1 อาทิตย์(ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงที่บริษัทมีกำหนดการรับสมัครนักศึกษาฝึกงานหรือสหกิจพอดี)พอได้รับการติดต่อกลับมาว่ามีการสัมภาษณ์ในรูปเเบบออนไลน์เเต่ก่อนสัมภาษณ์มีให้ทำข้อสอบเล็กน้อย พอถึงวันสัมภาษณ์ก็ตื่นเต้นมากๆ พอสัมภาษณ์เสร็จในใจก็คิดว่าจะผ่านรึปล่าวนะ เพราะรู้สึกว่าติ่นเต้นจนตอบบางคำถามได้ไม่ค่อยจะดี หลังจากนั้นก็ได้รับการติดต่อกลับมาว่าผ่านการสัมภาษณ์  

เข้าสู่ช่วง Bootcamp 

ในวันเเรกก็จะมีการสอนใช้เมลล์ของบริษัท รวมถึงกฏระเบียบต่างๆของบริษัท ในช่วงของการ Bootcamp ก็จะการสอนติดตั้งโปรเเกรมเเละใช้งานดังนี้ Git, Azure Board, Ruby, Ruby on Rails, node, WSL ผมไม่ได้ลงเเหะพอดี ใช้ Linux เป็น Base OS  อยู่เเล้ว หลังจากติดตั้งโปรเเกรมเเละทำความรู้จักโปรเเกรมที่จะใช้เรียบร้อยเเล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะต้องเรียนรู้กระบวนการ พัฒนา Software โดยจะมีพี่ๆในบริษัทหลายๆคนหมุนเวียนกันมาสอนเรื่องต่างๆโดยเรื่องที่เรียนจะมีดังนี้ Frontend [HTML(ERB), CSS] -> Backend[MVC, Rails, Rspec, RailsAdmin, ActionMailer, ActiveStorage] หลังจากเรียน Backend เสร็จก็ได้เรียน Angular[ก่อนเรียนมีการปูพิ้นฐาน JS & TS ให้ด้วยครับ] -> DepOps[Capistrano] -> Testing[เขียนเทสนั่นเอง :)]  

หลังจาก Bootcamp 

หลังจาก Bootcamp เสร็จก็ได้ทำโปรเจค New Banana Testing โดยมีการใช้ Angular + Rails + Postgresql โดยโปรเจคนี้เป็นโปรเจคเกี่ยวกับการทำ Testing โดยมีการสร้าง Test Scenario เเละ Test Case เเละมีการสรุปผลการ Test โดยโปรเจคนี้ก็ได้ทำร่วมกับเพื่อนๆอีก 2 คนโดยได้จะมีการมอบหมายงานเป็น sprints ในทุกๆวันจันทร์ เเละมีพี่ๆ คอยตรวจเเละให้คำเเนะนำ Code ด้วยเเละทุกๆวันศุกร์ก็จะมี Friday Meeting โดยจะมีการเสนอความคืบหน้าของโปรเจคนี้รวมถึงงานที่ตนเองทำในอาทิตย์นี้ด้วยเเละสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นขนมที่มีให้กินตลอดเวลา เเละน้องเเมวที่เเสนน่ารัก <3. 

ได้รับอะไรบ้างจากการฝึกงานครั้งนี้ ? 

ต้องเกริ่นก่อนเลยว่าในระยะเวลา 4 เดือนนี้ได้อะไรหลายๆอย่างมากโดยสิ่งเเรกที่ได้คือการได้รู้จักกระบวนการในการพัฒนา Software ร่วมถึงได้รู้จักเพื่อนใหม่จากต่างสถาบัน ซึ่งช่วงเเรกไม่ค่อยได้คุยกันมากพอช่วงหลังก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นเเละคุยกันมากขึ้น เเละอย่างที่สองที่ได้รับคือการใช้ Source Control เข้ามาช่วงในการทำงานให้ดีขึ้นสะดวกมากยิ่งขึ้นเเต่ถ้าเกิด Confilct ขึ้นก็จะเกิดเรื่องที่สนุกขึ้นเเละอย่างที่สามก็ได้เรียนภาษาใหม่ๆ เช่น Ruby ก็เป็นภาษาที่ Magic มากจนน่ารัก พอมาใช้ Rails นี่ยิ่งเป็น Backend ที่ Magic เข้าไปใหญ่เเละอีกอันนึงน่าจะเป็น Angular เเละสุดท้ายเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจของผมคือ การกลับมาใช้ Windows + VS Code ซึ่งผมไม่ได้จับ Windows + VS Code มาประมาณ 2 ปีเเล้วส่วนตัวใช้ Arch + Gentoo ส่วน Editor ใช้ nvim + emacs >.< เเละสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่คอยช่วยชี้เเนะเเละช่วยเหลือกันมาตลอดทำให้บรรยากาศในการทำงานมีสีสันเเละสนุกมากครับตลอดระยะเวลา 4 เดือนนี้ครับ ขอบคุณมากครับ <3 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ท๊อป (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

สวัสดีครับ ผมชื่อ ท็อป เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์การฝึกงานและสหกิจกับบริษัท บานาน่า โคดดิ้ง ตลอดระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2565 ให้ทุกคนฟังกันครับ 

รู้จักกับ บานาน่า โคดดิ้ง ได้ยังไง ? แล้วทำไมถึงเลือกมาฝึกกับที่นี่ล่ะ ? 

แรกเริ่มที่ได้รู้ว่ามีบริษัทที่ชื่อ บานาน่า โคดดิ้ง คือ เมื่อปลายปี 2564 ผมทราบจากทางสาขาว่า “ ปี 4 เทอม 1 จะให้นักศึกษาทุกคนออกไปฝึกงานกับบริษัทต่างๆเป็นเวลา 2 เดือน แล้วอีก 4 เดือนที่เหลือจะกลับมาทำโปรเจคที่มหาวิทยาลัยหรือจะสหกิจต่อกับที่บริษัทก็ได้ (ผมเลือกที่จะฝึกงานและสหกิจ) “ ซึ่งทางสาขาก็มีรายชื่อของบริษัทที่รุ่นพี่ เคยไปฝึกมาให้ดูและแน่นอนบริษัทนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ด้วยความที่ชื่อของบริษัทนี้มีความน่ารักและสะดุดตาผมอย่างแรง (ตอนแรกนึกว่าเป็น Banana IT ด้วยแหละ -//-) ผมจึงลองไปเสิร์ชดูแล้วพบว่า อ๋ออ ที่นี่เป็น Software House นี่เอง จากนั้นก็ลองนั่งดูสิ่งที่บริษัททำ และได้อ่าน Blog รีวิวของบริษัท บอกตรงๆว่าผมถูกใจบริษัทนี้เข้าแล้วล่ะ ผมจึงตัดสินใจกรอกใบสมัครฝึกงานตั้งแต่ตอนนั้นเลย จากวันที่ส่งใบสมัครไปเป็นเวลา 1 เดือน (ฟังดูนานหน่อยเพราะเค้ารับฝึกงานเป็นรอบและผมส่งเร็วเกินไป 5555 ) ก็ได้รับการติดต่อกลับมาว่าจะมีการสัมภาษณ์ในรูปแบบออนไลน์ พอถึงวันสัมภาษณ์ผมตื่นเต้นมากก แต่ด้วยความที่พี่ ๆ ที่มาสัมภาษณ์เป็นกันเองมากๆ ทำให้ผมไม่รู้สึกกดดันจนเกินไป ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาแล้วบอกว่าเราผ่านการสัมภาษณ์ ผมดีใจสุดๆ จากนั้นก็ได้นัดวันที่จะเริ่มฝึกงานกัน 

เริ่มฝึกงานวันแรก!! 

ในวันแรกจะมีการสอนเข้าใช้เมลของบริษัท การลงเวลาทำงาน การลางาน วันหยุดและระเบียบต่างๆของบริษัท ได้ทำความรู้จักกับพี่ๆ ที่มาทำงานใน office และเพื่อนๆ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้เข้ามาฝึกงานก่อนประมาณ 1 เดือน ทุกคนเป็นกันเองมากทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลายสุดๆ แถมใน office ยังมีขนมให้เลือกสรรกันอย่างมากมายอีกด้วย ดีงามแท้  

เข้าสู่ช่วง Bootcamp ~~ 

Bootcamp จะเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะได้เริ่มทำโปรเจ็คต่างๆภายในบริษัท เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์  ตั้งแต่การเตรียมเครื่องและติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็น โดยจะมีการปูพื้นฐานในหัวข้อต่าง ๆ เช่น Azure board, Front End, HTML, CSS, Ruby on Rails (Rails MVC, Rspec, Devise, Admin, Action Mailer) JavaScript, TypeScript, Angular, Heroku, Banana Testing เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีพี่ๆคอยสับเปลี่ยนกันมาสอนในแต่ละหัวข้อต่างกันไป ทำให้เราได้รู้จักพี่ๆในบริษัทหลายๆคนจากการ Bootcamp ในครั้งนี้ และในการเรียนแต่ละหัวข้อก็จะมีการบ้านให้ทบทวนความรู้ด้วย  

หลังจาก Bootcamp 

 ได้เริ่มทำโปรเจคร่วมกับเพื่อนๆ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในชื่อ Lost N’ Found ซึ่งจะเป็นเว็บแอพพลิเคชันที่เป็นสื่อกลางสำหรับให้คนมาโพสต์ตามหาของหายหรือโพสต์เจอของหาย โดยใช้ Ruby on Rails Framework ในการพัฒนาโปรเจค ได้ทำตั้งแต่การออกแบบ User Story, User Flow หน้าจอสำหรับการใช้งานไปจนถึงการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชันขึ้นมา ซึ่งในแต่ละขั้นตอนของการทำงานจะมีพี่ๆ คอยช่วยเหลือและคอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด ส่วนนี้ทำให้ได้เห็นการทำงานเป็นทีมแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยจะมีพี่ Project Manager คอยมอบหมายงานของทั้งสัปดาห์ว่าสัปดาห์นี้มีอะไรต้องทำบ้าง และมีการประชุมกันทุกวันเพื่ออัปเดตงานกันในทีม ซึ่งในทีมก็จะมีพี่ ๆ ที่เป็น Senior Developer พี่ ๆ ทีม Design และทีม Tester คอยช่วยเหลือโปรเจคด้วย แต่ละคนคือเก่งสุดยอดกันมากๆ ในแต่ละสัปดาห์จะมีการประชุมที่เรียกว่า Friday Meeting โดยจะให้นักศึกษาฝึกงานได้นำเสนอผลงานหรือความคืบหน้าของการทำงานของตนเอง เหมือนได้ฝึกพูดต่อหน้าผู้คนทุก ๆ อาทิตย์กันเลยทีเดียว หลังจากที่ทำ Lost N’ Found เสร็จ ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือน ก็ได้ลองไปทำในตำแหน่ง Tester บ้าง เรียกว่าเปลี่ยนสายกันเลยก็ว่าได้ เมื่อได้ลองมาทำ Tester ก็ทำให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่มีกับโปรเจคเพิ่มมากขึ้น อาจจะเห็นบัคที่ตอนทำ Dev ไม่เห็น ซึ่งก็เจอจริง ๆ 5555 ได้ลองเขียน Automated Test แทนการเทสมือโดยใช้ Katalon Studio ก็ค้นพบว่านี้มันคือ “นวัตกรรม” เป็นความท้าทายในอีกรูปแบบหนึ่ง 

สิ่งที่ได้จากการฝึกงานกับ บานาน่า โคดดิ้ง 

ได้เรียนรู้ว่าการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสายงานนี้เป็นยังไงเค้าทำอะไรกันบ้าง สื่อสารกันยังไง คุยกันยังไงให้แต่ละโปรเจคสำเร็จลุล่วง ได้เรียนรู้การใช้ Git ร่วมกับ Azure Board เป็นสิ่งที่บอกเลยว่าผม งง มากในช่วงแรก แต่พอใช้ไปได้สักพักก็เริ่มเข้าใจหลักการทำงานของเจ้าสิ่งนี้ว่ามันทำงานยังไง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้ใช้ในการเรียนที่มหาลัย  

ได้แบ่งปันเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ จากพี่ ๆ ที่บริษัทและจากเพื่อน ๆ ที่มาฝึกงานด้วยกัน ทำให้มีความสนุกสนานในการทำงาน 

จงจำไว้เสมอว่า bug และ error คือเพื่อนของเรายิ่งเราเจอมากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น  

สุดท้ายนี้ผม ขอขอบคุณทางบริษัท บานาน่า โคดดิ้งที่มอบโอกาสและประสบการณ์ดี ๆ ตลอดการฝึกงานและสหกิจครั้งนี้ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่คอยสอนในหลาย ๆ เรื่อง เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ครับ แน่นอนว่าผมจะนำสิ่งดี ๆ เหล่านี้ไปปรับใช้และแบ่งปันกับคนอื่นต่อไปครับ ขอบคุณครับ 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ป๊อป (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

สวัสดีค่ะ เราชื่อป๊อป เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 4 จะมาแชร์ประการณ์การฝึกงานและสหกิจศึกษา ตลอดระยะเวลา 6 เดือน ให้ฟังค่ะ

เข้ามาฝึกงานได้ไงกันนะ?

ตอนนั้นทางสาขาได้ประกาศให้นักศึกษาหาที่ฝึกงานให้ได้ก่อน 31 มีนาคม คือตอนนั้นเราลนมาก กลัวหาที่ฝึกงานไม่ได้ ส่งไปหลายที่มากแต่ก็เงียบทุกที่ ตอนนั้นเพื่อนส่งรูปมาพอดีว่าทางบริษัทบานาน่า โคดดิ้งเปิดรับนักศึกษาฝึกงาน – สหกิจศึกษา เราเลยลองกรอกข้อมูลมา รอไม่กี่วันพี่เขาก็โทรมาบอกว่าเราติดสัมภาษณ์ ตอนนั้นคือแบบดีใจมากอ้ะ ในใจนี่คือโล่งไปนิดนึง ไปลุยกันต่อวันสัมภาษณ์ ในวันสัมภาษณ์คือมีพี่มาสัมภาษณ์ประมาณ 4-5 คน ใจนี่คือเต้นตุบๆ พี่เขาให้โชว์ผลงานที่เคยทำ ในใจนี่คือคิดละ “เอาอันในมาโชว์ก่อน ไม่มีงานดีสักอัน” สุดท้ายก็ตัดสินใจเอางานที่จะต้องทำส่งอาจารย์ที่เรียนอยู่เปิดให้พี่เขาดู สุดท้ายก็จบสัมภาษณ์ไปเรียบร้อย ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง พี่เขาโทรมาบอกว่า “น้องผ่านสัมภาษณ์นะคะ” ตอนนั้นดีใจทวีคูณเข้าไปอี๊ก  ที่ได้มาฝึกงานกับบริษัทบานาน่า โคดดิ้ง

ประการณ์การฝึกงาน

วันแรกที่มาถึงคือตื่นเต้นมาก ทำตัวไม่ถูก พี่ๆ เขาก็แจ้งรายละเอียดที่ต้องทำให้ทราบ พี่เขาจะสอน Set Up โปรแกรมต่างๆที่ต้องใช้ตลอดระยะเวลาการฝึกงาน ในช่วง 2 สัปดาห์แรกจะเป็นการ bootcamp ให้เราเรียนรู้พื้นฐานต่างๆที่ต้องใช้ พอจบช่วง bootcamp จะเป็นช่วงที่เราต้องมาลุยกับการทำโปรเจค ตอนนั้นคือเครียดมาก กลัวไปเป็นตัวถ่วงเพื่อนๆ เพราะเราก็ไม่ใช่คนเก่งอะไร  เป็นพวกที่พอถูไถไปได้ ตลอดการฝึกงานจะมีพี่ๆคอยช่วยเหลือเราตลอดไม่ว่าเรื่องยืมอุปกรณ์ เขียนโปรแกรมไม่ได้ จะมีพี่ๆคอยช่วยเหลือเสมอ และมีขนมให้เรากินตลอดทั้งวัน

ช่วงอวดโปรเจค

โปรเจคของเรา เป็นโปรเจคที่เป็นสื่อกลางในการช่วยตามหาของหาย มีชื่อว่า Lost N’ Found ตลอดการทำโปรเจค จะมีพี่ project manager มา Sprint แบ่งงานให้เรากับเพื่อนๆ ทุกสัปดาห์และมีการประชุมอัพเดตงานทุกวันในตอนเช้า ตลอดระยะเวลาในโปรเจคทำให้เรารู้อะไรหลายๆอย่าง เช่น การทำงานเป็นทีมว่า code ของเราอาจจะไป config กับของเพื่อนได้และหลังจากโปรเจคเสร็จก็ได้มาลองเป็นทีม tester ซึ่งเป็นงานที่เราสนใจอยู่ ได้มีโอกาสไปลอง test โปรเจคลูกค้า

บรรยากาศในการทำงาน

ได้มาทำงานที่บริษัทบานาน่า โคดดิ้ง รู้สึกสบายใจมากๆ ไม่มีความกดดันอะไรเลย ไม่เข้าใจตรงไหนก็คือถามพี่เขาได้เลย ถ้าถามละพี่เขาละยังทำไม่ได้ พี่เขาคือพาเราทำเลย พาทำจนกว่าเราจะเข้าใจและยังมีน้อนแมวน่ารักอีก 3 ตัว ที่ชอบอ้อนๆ (แต่แอบเล็บยาวอยู่นะ) และพี่เขาจะพาไปเลี้ยงข้าวในโอกาสต่างๆ

ได้รับอะไรบ้างจากการฝึกงานครั้งนี้?

พูดตรงๆเลยตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ได้มาฝึกงานที่นี่ได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะมากๆ เรียนที่มหาลัยคือได้แค่ control C control V ไม่เคยได้ทำงานกันเป็นทีมแบบจริงๆ จังๆ มาก่อน แต่มาฝึกงานที่บานาน่า โค้ดดิ้ง คือได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เรียนรู้การเขียนโคดภาษาใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้ทำ ได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีมกันมากขึ้น

สุดท้ายนี้อยากขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ให้โอกาสได้เข้ามาฝึกงาน – สหกิจศึกษา ตลอดระยะเวลา 6 เดือน มีความสุขมากๆ ขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ได้ให้ประสบการณ์การทำงานที่ดีและขอขอบคุณที่ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่พี่ๆเอ็นดูหนูตลอดมา ขอบคุณค่ะ

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ลิลลี่ (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

แนะนำตัวเองหน่อยจ้า 

สวัสดีค่ะ เราชื่อ ลิลลี่ เป็นนักศึกษาภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะมาแชร์ประสบการณ์จากการได้ฝึกงาน-สหกิจตลอดระยะเวลา 6 เดือน ที่บริษัทบานาน่าโคดดิ้งค่ะ 

เข้ามาฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง ได้ยังไงกันนะ ? 

ก่อนอื่นทางภาควิชาของเราจะมีให้เลือกแผนการฝึกงาน โดยจะมีแผนฝึกงานปกติระยะเวลา 2 เดือน กับแผนสหกิจระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งเราได้เลือกเป็นแผนสหกิจระยะเวลา 6 เดือนค่ะ จากนั้นทางภาควิชาจะให้เลือกบริษัท แล้วจะติดต่อไปยังบริษัทที่เราเลือกไว้ให้ค่ะ หลังจากนั้นทางบริษัทก็ได้ติดต่อมานัดวันสัมภาษณ์ค่ะ วันสัมภาษณ์ก็มีตื่นเต้นหน่อย ๆ พี่ ๆ เค้าก็จะถามคำถามทั่วไปเกี่ยวกับเรา ถามว่าเคยทำอะไรมาบ้าง หลังสัมภาษณ์เสร็จไม่กี่วันหลังจากนั้น ก็ได้รับการติดต่อมาว่าผ่านสัมภาษณ์ค่ะ โดยจะเริ่มฝึกวันที่ 4 เมษายน 2565 แต่แล้วไม่กี่วันก่อนจะถึงวันแรกของการฝึกงานโน๊ตบุ๊คของเราก็เกิดอาการต่อต้านขึ้นมาค่ะ ( เมนบอร์ดพัง 5555 ) ทำให้ต้องรีบเอาไปส่งศูนย์ แต่เนื่องจากประเมินว่าต้องใช้เวลาซ่อมนานพอสมควร ไม่น่าจะทันวันฝึกงานช่วงแรกๆ จึงได้ไปแจ้งพี่ HR ไว้ก่อนว่าโน๊ตบุ๊คพัง เนื่องจากก่อนหน้านี้พี่ถามไว้ว่ามีโน๊ตบุ๊คส่วนตัวรึเปล่า โดยทางบริษัทก็มีแมคบุ๊คให้ยืมใช้ก่อนระหว่างรอโน๊ตบุ๊คซ่อมเสร็จค่ะ ( ขอบคุณค่ะ (T ▽ T) ) 

ช่วยเล่าประสบการณ์การฝึกงานหน่อย 

เมื่อถึงวันแรกที่ได้มาฝึกงาน พี่ ๆ จะแจ้งรายละเอียด กฎระเบียบต่างๆ แล้วก็สอน set up โปรแกรมต่าง ๆ ที่จะใช้ในการฝึกงานค่ะ และในช่วงประมาณ 2 อาทิตย์แรก จะมีการ Bootcamp ก่อน โดยจะเป็นการสอนเกี่ยวกับพื้นฐานต่าง ๆ ที่ต้องใช้ เช่น Ruby, Ruby on Rails, Rspec, HTML, CSS, JavaScript, Typescript, Angular, Azure DevOps, Git, Heroku, Banana Testing และอีกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งในแต่ละเรื่องจะมีพี่ ๆ คอยสลับกันมาสอน และหลังจากเรียนเสร็จในแต่ละเรื่อง ก็จะมีการบ้านให้กลับไปฝึกทำเป็นการทบทวนอีกที 

อวดโปรเจคที่ทำหน่อยเร็ว ! 

พอจบช่วง Bootcamp พี่จะถามว่ามีโปรเจคอะไรที่อยากทำไหม สุดท้ายก็ได้เป็นโปรเจค Lost N’ Found ที่ได้เสนอร่วมกับเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นเว็บแอปพลิเคชันที่เอาไว้ให้คนมาโพสต์ตามหาของหายหรือโพสต์เจอของหาย โดยจะมีพี่ Project Manager คอยมอบหมายงานให้ และจะมีการประชุม Sprint ประจำสัปดาห์ กับประชุมประจำวัน เพื่ออัปเดตความคืบหน้าต่าง ๆ ของงาน ซึ่งในช่วงการทำโปรเจคนี้จะได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างมากมายเลย และหลังจากเสร็จโปรเจค Lost N’ Found ก็จะได้ไปทำงานของลูกค้าจริง ๆ ค่ะ 

บรรยากาศการทำงานเป็นยังไงบ้าง ? 

ในเรื่องของบรรยากาศในการทำงานของที่นี่ รู้สึกสบาย พี่ ๆ เป็นกันเอง ใจดีมาก ๆ ไม่ได้เคร่งมาก ทำให้ไม่ค่อยเครียดหรือกดดัน และยังมีน้ำกับขนมให้กินด้วย อีกทั้งยังมีเจ้าพวกแมวแสนน่ารัก น้อง ๆ ชอบมาอ้อน ๆ เป็นมิตร เล่นด้วยได้ น่ารักมากกก ( ถ้าน้องไม่กางเล็บ 55 ) และในบางครั้งบริษัทจะมีพาไปกินเลี้ยงกันทั้งบริษัทตามแต่ละโอกาสต่าง ๆ 

ได้รับอะไรจากที่นี่กลับไปบ้างนะ ?  

หลังจากที่ได้ฝึกมาเป็นระยะเวลา 6 เดือน ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เยอะแยะเลย ทั้งทักษะการเขียนโปรแกรมใหม่ ๆ เพิ่มเติม วิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ทักษะการทำงานเป็นทีม มีความรับผิดชอบและมีระเบียบในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับประสบการณ์ดี ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ดูแล แนะนำ และให้คำปรึกษามาตลอดระยะเวลา 6 เดือนนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ และได้รับประสบการณ์ในการทำงานที่ดีมากมายจริง ๆ ขอบคุณมากค่ะ 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ตูน (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

ไหนๆ แนะนำตัวกันหน่อย 

สวัสดีค่ะ ชื่อกานต์ชนิต บุญมา หรือชื่อเล่นคือตูน ค่ะ เป็นนักศึกษาจากภาควิทยาการคอมพิวเตอร์  
คณะวิทยาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ได้เข้าร่วมโครงการฝึกงานและสหกิจศึกษา 
กับทางบริษัท บานาน่า โคดดิ้ง ตั้งแต่เดือน เมษายน ถึงเดือนกันยายน เป็นระยะเวลา 6 เดือน  

ทำไมถึงเลือกบานาน่า โคดดิ้งล่ะ ? 

ที่เลือกบริษัทนี้เพราะหาจากรายชื่อบริษัทที่ทางภาควิชาหามาให้ และเข้ามาอ่านรีวิวใน blog ของทางบริษัท ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น ได้เข้าใจวัฒนธรรมองค์กรส่วนนึง ว่าเราจะสามารถปรับตัวเข้ากับองค์กรได้ไหม และที่สำคัญที่ตั้งบริษัทก็อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ทำให้สะดวกแก่การทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ ในตอนแรกที่ส่งเอกสารการสมัคร หรือ resume ต่าง ๆ นั้น ทางภาควิชาได้เป็นผู้จัดการให้ และทางบริษัทได้ติดต่อมาทางโทรศัพท์ และอีเมลที่ให้ไว้ ในการสัมภาษณ์เป็นการสัมภาษณ์แบบออนไลน์ พวกพี่ ๆ ก็ถามนู้นนี่นั้นว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง เคยใช้ภาษาอะไรมาก่อนไหม  
พี่ ๆ ที่สัมภาษณ์ใจดีมาก ทำให้เราสามารถสื่อสารได้ง่าย 

ได้เริ่มฝึกงานแล้วเป็นยังไงบ้างเอ่ย ? 

ในช่วงเดือนแรก ๆ จะมีการ Bootcamp เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้กับเราก่อน โดยการปรับพื้นฐาน 
จะเริ่มตั้งแต่การติดตั้ง Tools ต่าง ๆ, Ruby on Rails Framework, WSL2 โดยที่บริษัทนี้จะใช้ Linux ในการทำงาน  
ซึ่งเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกัน และหนูเองใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ทำให้อาจจะมีปัญหาติดขัดบ้างในการลงเครื่องมือต่าง ๆ แต่พี่ ๆ ก็ช่วยกันแก้ปัญหานี้ จากนั้นก็ได้เรียนรู้การใช้งาน Ruby on Rails Framework, JavaScript, TypeScript, OOP เบื้องต้น, Test Driver Development, Unit Testing โดยใช้ Rspec และ Heroku ในที่นี่อาจจะบอกเล่าได้ไม่หมดว่าได้เรียนรู้ประสบการณ์อะไรบ้าง แต่ที่จะได้แน่นอนเลยก็คือการทำงานเป็นทีม การสื่อสารกับผู้อื่น การเข้าใจในงานที่ได้รับมอบหมาย  

มาอวดโปรเจคกันหน่อย 

เมื่อช่วงเวลา Bootcamp เสร็จสิ้น พี่ ๆ ก็เสนอให้ลองคิดโปรเจคขึ้นมา  
โดยโปรเจคที่คิดกันขึ้นมากับเพื่อนฝึกงานคนอื่น ๆ คือโปรเจค Lost N’ Found เป็นโปรเจคที่เป็นสื่อกลางการสื่อสาร  
หรือสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการตามหาสิ่งของที่ทำหาย และตามหาเจ้าของ โปรเจคนี้ได้เริ่มทำตั้งแต่การคิด Requirements และ Pain point ซึ่งการคิดโปรเจค ไม่ได้มีแค่การเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียว แต่ให้เราคิดถึง 
ในด้าน Business ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้นอกเหนือจากการเรียนในมหาวิทยาลัย ในช่วงระหว่างการพัฒนาโปรเจค Lost N’ Found ก็ได้พี่ ๆ มาช่วยเหลือในการพัฒนาส่วนต่าง ๆ ถ้าหากว่าติดปัญหาอะไร ก็สามารถถามพี่ ๆ ได้  
ถ้าการเขียนโค้ดส่วนไหนที่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอ พี่ ๆ ก็จะแนะนำการเขียนวิธีใหม่ให้ เมื่อการพัฒนาโปรเจค Lost N’ Found เสร็จสิ้น ทางบริษัทก็ได้ยื่นโอกาสให้พัฒนาโปรเจคของลูกค้า ก็ได้รับประสบการณ์ที่ตื่นเต้น 
จากการพัฒนาโปรเจคของตัวเองในอีกระดับนึง 

บานาน่า โคดดิ้งสำหรับน้องๆ เป็นยังไงบ้างนะ ? 

ในเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร บริษัทนี้เป็นบริษัทที่สนุกได้ แต่ไม่ทิ้งงาน ถึงแม้ว่างานจะดูเยอะ หรือยากก็มีพี่ ๆ คอยช่วยอยู่เสมอ ทางบริษัทมีขนม น้ำ เครื่องดื่ม ให้แบบฟรี ๆ ทำงานกันแบบเป็นกันเอง พี่ ๆ คุยเล่นได้เหมือนกับรุ่นพี่ 
ที่สามารถปรึกษาได้ในหลาย ๆ เรื่อง 

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณบริษัท บานาน่า โคดดิ้ง ที่ให้การสนับสนุนในการฝึกงานและสหกิจศึกษา ในโอกาสนี้ถือว่าได้รับประสบการณ์มากมายในด้านการพัฒนาฟังก์ชัน การเขียนโค้ด การทำการร่วมกับผู้อื่น และอื่น ๆ อีกมากมาย อยากจะบอกว่าต้องมาลองฝึกประสบการณ์กับที่นี่ด้วยตัวเอง ถึงจะได้รู้ว่าบริษัทนี้ให้อะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าที่คิด 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย เม้าส์ ( วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ )

สวัสดีครับ ผมชื่อเม้าส์ ครับ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 4 โดยทางมหาลัยของผมจะมีการให้นักศึกษาไปฝึกงานสหกิจในเทอมที่ 2 ของชั้นปีที่ 4 เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดยทางสาขาวิชาจะมีรายชื่อของบริษัทมาให้สำหรับคนที่ไม่รู้จะไปที่ไหน แต่เราก็สามารถหาบริษัทที่เค้ามีการรับนักศึกษาฝึกงานเองได้ครับ ส่วนของผมรู้จักที่นี้มาจากเพื่อน​ (คนที่มาฝึกด้วยกัน) ผมก็เลยลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท บานาน่าโคดดิ้ง และได้เจอกับเว็บไซต์ของ Banana Coding เลยลองหาอ่านข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับบริษัท ว่าอยู่ที่ไหนทำเกี่ยวกับอะไร และถ้าจะมาฝึกงานกับที่นี่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เราต้องไปเรียนรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง ซึ่งหลายๆอย่างเป็นสิ่งที่ค่อนข้างใหม่สำหรับผมมาก และก็ได้ทำการกรอกใบสมัครฝึกงาน ใบสมัครมีการถามค่อนข้างเยอะหลายๆด้าน หลังจากกรอกใบสมัครไปประมาณสองอาทิตย์แต่ยังไม่มีการตอบกลับมาเลยไปสมัครอีกที่ไว้ (เผื่อว่าที่นี่เขาไม่รับ ฮ่าๆ) และในที่สุดก็ติดต่อมาและได้นัดสัมภาษณ์ วันที่สัมภาษณ์ เค้าได้ถามหลายๆอย่างเกี่ยวกับเราถามเกี่ยวกับตัวจบของเราว่าทำอะไรเป็นยังไง ตื่นเต้นมาก แต่ดีหน่อยที่การสัมภาษณ์ครั้งนั้นไม่ได้มีผมคนเดียว มีเพื่อนอีกคนด้วยถ้ามีผมคนเดียวคงเกร็งจนตอบไม่ถูกและไม่กี่วันต่อมาทางบริษัทก็ติดต่อกลับมาว่าผ่านการสัมภาษณ์ผมดีใจมาก และได้นัดวันเริ่มการฝึกคือวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564

วันแรกที่มาในบริษัทคนน้อยมากเนื่องด้วยสถานการณ์โควิดด้วย ตอนแรกที่มาถึงก็มาเจอเพื่อนต่างมหาลัยที่มาฝึกที่นี่เหมือนกัน  2 คน วันแรกที่มาเจอกันก็จะเงียบๆ ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากเท่าไหร่ ในวันแรกก็จะมีการสอนเข้าใช้เมลของบริษัท การลงเวลาการทำงาน การลางาน ลาป่วยและระเบียบของบริษัท ในช่วงสองอาทิตย์แรกจะเป็นการจัดสอน Bootcamp ตั้งแต่การเซ็ตเครื่องติดตั้งโปรแกรมต่างๆ โดยมีการสอนพื้นฐานในเรื่อง Azure board, Bootstrap, HTML, CSS, Ruby On Rails , Rails Admin , Rspec, Heroku และอีกหลายๆตัว ซึ่งทั้งหมดจะจัดการสอนผ่านทางออนไลน์ทั้งหมดเนื่องด้วยสถาณการณ์โควิด หลังเรียนเสร็จก็จะมีการให้ทำการบ้านในเรื่องที่เรียน และให้นำมาพรีเซ็นต์ในวันศุกร์ ที่ Friday meeting โดยหลังจากที่เรียน Bootcamp เป็นระยะเวลาสองอาทิตย์เสร็จ พี่ถามมาว่าเราอยากทำโปรเจ็คอะไรให้เราเสนอหัวข้อให้แล้วพี่ก็คอยช่วยแนะนำจนได้หัวข้อที่ทำคือ Bloodneed เป็นโครงการที่จะช่วยผู้ที่ต้องการรับบริจาคเลือด และในการทำโปรเจ็คได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเยอะมาก พี่ๆคอยให้คำแนะนำหลายๆอย่าง คอยช่วยเวลาเราติดปัญหา และหลังจากทำ โปรเจ็ค Bloodneed เสร็จก็ได้มาทำงานของลูกค้าจริงๆ เป็นอะไรที่ต่างกับโปรเจ็คที่เราทำกันเยอะมาก ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆเยอะมาก การเขียนในแบบที่สวยงาม อ่านง่าย และทำงานได้เร็ว

หลังจากที่ผ่านการฝึกงานมาเป็นระยะเวลา 3 เดือนเป็นอะไรที่ดีมากๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ประสบการณ์ของการทำจริงๆ ที่หาที่ไหนไม่ได้ ซึ่งแตกต่างกับตอนที่เรียนอย่างมาก ความรู้ที่มหาวิทยาลัยสอนเป็นเพียงความรู้ขั้นพื้นฐาน ซึ่งการทำงานจริงเราต้องอาศัยประสบการณ์ แหล่งความรู้หลายๆที่ และ ต้องคอยศึกษาสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ  สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณพี่ๆทุกคนที่คอยดูแล ให้คำแนะนำในทุกๆอย่าง ในตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ผมได้อะไรเยอะมากจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมหาที่ไหนไม่ได้ ขอขอบคุณพี่ บานาน่าโคดดิ้งทุกคนครับ ขอบคุณครับ

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ไมค์ ( วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ )

สวัสดีครับ ผมไมค์ เป็นนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ คณะวิศกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 4 วันนี้ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ในการทำงานที่บริษัท บานาน่าโค้ดดิ้งครับ

ขอเริ่มจากวันแรกเป็นช่วงที่ใกล้เปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 อยู่ ๆก็มีการดึงนักศึกษาที่ต้องการฝึกงานเข้ากลุ่ม Line และมีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมาทำให้ผมต้องขนลุก “นักศึกษาที่ต้องการฝึกงาน ให้หาที่ฝึกงานแล้วส่งให้พี่ภายในอาทิตย์นี้นะคะ”  นั่นทำให้ผมรู้สึก “เกลียดความหวั่นไหวที่ก่อตัวในใจฉัน”  T0T หนึ่งอาทิตย์ในการหาที่ฝึกงาน!!! หรือว่านี่จะเป็นบททดสอบของทางคณะในการหาผู้ที่แข็งแกร่ง ที่จะสามรถอยู่รอดบนโลกอันแสนโหดร้ายนี้ได้ เดิมทีแล้วผมคิดไว้ว่าอยากจะไปฝึกงานที่กรุงเทพ แต่ด้วยสมองอันน้อยนิดของผมจึงฉุดคิดได้ว่า ทั้งเวลา และ สถานการณ์โควิดแบบนี้มัน Impossible นั่นทำให้ผมต้องจับ keyboard ขึ้นมาแล้วสั่งจาร์วิส “หาที่ฝึกงาน software เชียงใหม่” หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง จาร์วิสของผมก็ได้ไปเจอกับ Blog ที่เล่าถึงประสบการณ์ในการฝึกงาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อผมกดเข้าไปอ่านนั้นทำให้ผมขนลุกอีกครั้ง เพราะว่าบทความเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ 5555+ ซึ่งหลังจากไล่อ่านบทความใน blog จนหมดแล้ว ทำให้ผมคิดได้ว่าที่นี่แหละจะเป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปให้เด็กชายตัวน้อยคนนี้ได้เติบโตขึ้น หลังจากที่มโนเสร็จแล้วผมก็กดเข้า link กรอกใบสมัครผ่านไปไม่นานก็มีพี่ที่บริษัทติดต่อเข้ามาให้เข้าสัมภาษณ์ หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จแล้วผ่านไปไม่นาน จาร์วิสของผมก็บอกว่ามีสายเข้ามา เมื่อผมกดรับสายก็มีการประกาศผลว่า น้องผ่านการณ์สัมภาษณ์นะ นั่นทำให้ผมขนลุกอีกครั้งสิ่งนี้ทำให้ผมคิดได้ว่า นี่เราเป็นชายชาตรีที่สารถมารถอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้แล้วสินะ T_T (ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆ ที่ทำทุกขั้นตอนได้อย่างรวดเร็วทำให้เด็กชายตัวน้อย ๆคนนี้ได้มีที่ฝึกงานนะครับ)

หลังจากที่มีแต่น้ำตอนนี้ก็จะเข้าสู่โหมดจริงจัง!! ซึ่งผมจะขอเล่าการใช้ชีวิต การทำงาน และประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่ครับ

สำหรับผมการมาฝึกที่นี่ในวันแรกนั้นด้วยความที่ผมมาคนเดียว และ ไม่คุ้นชิ้นกับสถานที่ นั่นทำให้ผมรู้สึกเกร็ง และ รู้สึกอึดอัดมากเลยครับ 5555 ไม่ใช่เพราะพี่ ๆที่นี่โหดหรืออะไรหรอกนะครับพี่ๆที่นี่ทุกคนใจดีมาก แต่ด้วยพื้นฐานแล้วผมเป็นคนชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหนมากกว่าทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ซึ่งตอนที่ผมฝึกงานที่นี่พี่ๆ ก็จะอยากให้น้องฝึกงาน เข้ามาทำงานที่ office วันจันทร์และวันพฤหัสบดี ส่วนวันอื่น ๆสามารถ WFH ได้ ซึ่งช่วงแรก ๆผมก็เข้ามาทำงานที่ office ทุกวันแหละครับ เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ และ พี่ๆบางคนที่เข้ามาทำงานที่ office (ซึ่งพี่ๆส่วนมากก็จะ WFH กันมากกว่า) ซึ่งการปรับตัวของผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นในวันที่สามของการฝึกงาน และ พอผ่านไป 168 ชั่วโมง (หนึ่งสัปดาห์) ผมก็เริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่ และ เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น 555+ หลังจากนั้นการฝึกงานที่นี่ก็จะเริ่มสนุกขึ้นครับ ช่วง 3 สัปดาห์แรกนั้นจะเป็นช่วง Bootcamp ที่พี่ ๆ แต่ละคนก็จะเปลี่ยนกันเข้ามาสอนเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

Azure DevOps, Git, HTML, CSS, Ruby Language, Ruby on Rail และ gem ต่าง ๆ ของ Ruby on rails, Banana Testing

ซึ่งในช่วง Bootcamp นี้เราก็จะได้เรียนและก็จะมีโจทย์การบ้านให้เราไปทำด้วย อารมณ์เหมือนกับการเรียนที่มหาลัยเลยครับ 5555+ สำหรับผมคิดว่าดีมากเลยครับเพราะช่วงสามสัปดาห์แรก เราจะได้ใช้เวลาทำความรู้จักเพื่อนๆและพี่ๆมากขึ้นและยังได้เรียนรู้สภาพแวดล้อมการทำงานที่นี่อีกด้วย ว่าแล้วก็เข้าสู่ช่วงขายของ ที่นี่เริ่มทำงาน 9.00 น. เลิกงาน 17.00 น. แถมมีขนมให้กินเล่นอีกด้วย และที่อยากขายเลยคือที่นี่มีห้องให้สำหรับน้องฝึกงานด้วยนะเออ ซึ่งห้องนี้เราก็จะใช้ทั้งเรียน ทำงาน และ ประชุม อาจจะมีพี่แวะเข้ามาพูดคุยด้วยเป็นบางครั้ง และที่ประทับใจกับที่นี่มากถึงมากที่สุดเลยคือ พี่เขาให้ความไว้ใจเรามาก ๆเลย ซึ่งไว้ใจในที่นี้คือ พี่เขาจะไม่มานั่งดูเลยว่าเราทำงานอยู่ไหมน้า หรือ แอบเล่นเกมอยู่หรือเปล่าน้า และก็จะไม่มีการบังคับเลยว่าต้องพักเวลานี้เท่านั้นหรือถ้าไม่ถึงเวลานี้ห้ามหยิบมือถือมาเล่น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หัวใจของเด็กชายคนนี้กลับมาหวั่นไหวอีกครั้ง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องเราผิดชอบในงานที่เราได้รับมอบหมายให้เสร็จด้วยน้า และที่สำคัญคือให้คิดไว้เสมอว่าเรามาฝึกงานเพื่ออะไร คงไม่ใช่มาเพื่อเล่นๆให้ผ่านไปวันหนึ่งหรอกใช่ไหม?

พอผ่านช่วง 3 สัปดาห์แรก พี่ก็จะให้เราเริ่มทำโปรเจคที่เราคิดขึ้นมาแล้วแต่น้อง ๆที่ฝึกงานอยากทำแต่ต้องนำเสนอให้ผ่านก่อนนะว่าโปรเจคที่เราอยากทำนั้นมันช่วยแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้หรือเปล่า พอนำเสนอผ่านแล้วพี่ก็จะมีการจัดตั้งทีมขึ้นมาสำหรับโปรเจคนี้และน้องฝึกงานก็จะได้ไปอยู่ในตำแหน่ง Sofeware Engineering และก็จะมีพี่ที่เก่งๆเข้ามาร่วมทีมกับเราด้วยแต่ละทีมก็จะมีหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งจุดนี้แหละที่เราจะได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีมแล้วได้เรียนรู้ด้วยว่า เวลาที่โค้ดของเรากับของเพื่อนชนกัน(conflict) มันเป็นยังไง 5555 ซึ่งช่วงที่ทำโปรเจคนี้เราก็จะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากทั้งเรื่องการเขียนโค้ด การใช้ Tools การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกับคนอื่น สิ่งที่อยากแนะนำในช่วงนี้เลยคืออย่ากลัวที่จะลองและอย่ากลัวที่จะถาม บางครั้งเราจะเกิดความกลัวที่จะใช้เครื่องมือที่เราไม่เคยเจอหรือกลัวไปทำแบบนั้นแล้วจะพัง แต่จากประสบการณ์ที่ฝึกงาน ทำให้ผมคิดได้ว่าทำแล้วผิดพลาดนั่นแหละจะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้เรียนรู้และจำขึ้นใจเลยว่า สิ่งไหนไม่ควรทำหรือ ถ้ากลัวพลาดจริงๆ เราก็สามารถถามพี่ๆได้ ซึ่งอย่าลืมว่าเราคือนักศึกษาฝึกงานเพราะฉะนั้นใช้ช่วงเวลานี้ ในการเรียนรู้ให้เต็มที่และคุ้มค่า (คมป่ะล่ะ 555)
สองเดือนผ่านไปในที่สุดเหล่าน้อง ๆฝึกงานก็ได้ทำงานที่เป็นงานของลูกค้าจริง ๆ เย้!!! ซึ่งถามว่าตื่นเต้นไหม ก็ตื่นเต้นเล็กน้อยซึ่งการทำงานจริงนั้นสำหรับผมให้อารมณ์เหมือนทำกับโปรเจคก่อนหน้านี้เลยซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่ๆที่ train ให้น้องฝึกงานสามารถเตรียมความพร้อมจนสามารถเข้ามาทำงานนี้ได้ซึ่งบอกเลยว่า งานโปรเจคก่อนหน้านี้ช่วยให้เราทำงานนี้ได้ดีขึ้นจริง ๆเพราะทุกอย่างเราทำเละไว้ที่โปรเจคก่อนหน้านี้แล้วยังไงหละ 555 (หมายถึงเราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากโปรเจคก่อนหน้านี้) ทำให้เราสามารถทำโปรเจคนี้ผ่านไปได้ ซึ่งก็เป็นเพราะพี่ๆใจดีด้วยแหละไม่กดดันแถมคอยช่วยเหลือตลอด ทำให้รู้สึกว่าการทำงานจริงไม่รู้สึกเครียดเท่าไหร่ครับ

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในสายงานนี้ก็คือ bug กับ Error เป็นสิ่งที่เราต้องเจออยู่ตลอดทุกวัน บางปัญหาที่แก้ได้ บางปัญหาที่ใช้เวลาเป็นวันก็แก้ไม่ได้หรือแก้ไม่ได้เลย เป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจผมมากซึ่งบางครั้งเราใช้เวลาหลายวันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะบอกเพื่อเตือนตัวเองหรือแนะนำคนอื่นก็คือลองเก็บปัญหาตรงนั้นไว้แล้วไปทำอย่างอื่นก่อนหรือลองพักก่อนแล้วค่อยกลับมาทำ การที่เราจดจ่อกับปัญหานั้นแล้วแก้ไม่ได้ซักที จากที่ผมรู้สึกเลยคือร่างกายจะเริ่มล้า เริ่มคิดไม่ออกและ วิธีแก้ปัญหาก็จะเริ่มวนไปมาซ้ำอยู่ที่เดิม ทำต่อก็เครียดเปล่าๆ เพราะฉะนั้นให้ลองพักก่อน พอสมองเราได้พักผ่อนแล้ว ค่อยกลับมาทำอีกครั้ง ซึ่งบางครั้งเราจะเจอวิธีที่แก้ปัญหานี้แบบง่ายๆ โดยที่เราไม่คาดคิดไว้เลยก็ได้ หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ลองให้คนอื่นช่วยดู ซึ่งนี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอในสายงานนี้

สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่คอยสอน คอยให้คำแนะนำในเรื่องต่าง ๆ และ ให้โอกาศได้มาฝึกงานที่ บานาน่าโค้ดดิ้ง ทำให้ผมได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์ในการทำงาน และขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่คอยอยู่ด้วยกัน และ ช่วยเหลือกันมาตลอด ทำให้ช่วงของการฝึกงานมีสีสันและสนุกมากขึ้น ขอบคุณครับ