รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย นิ้ง (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลย เราเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4  สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ขอบอกก่อนเลยนะ ว่าเราเป็นเด็กคนนึงที่ไม่ค่อยเก่งซักเท่าไหร่ ระดับการเรียนก็ปานกลาง ซึ่งวันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การฝึกที่ บริษัท บานาน่าโคดดิ้ง จำกัด ตำแหน่ง Software developer ว่าในระยะเวลา 2 เดือนนั้น เราได้รับอะไรกลับมาบ้าง

เริ่มจากมาฝึกงานที่บริษัทนี้ได้ยังไง ?

ส่วนตัวเรารู้จักบ.นี้จากรุ่นพี่คนนึง ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ เราจึงเริ่มค้นหาเว็บไซต์บริษัท รูปภาพ กิจกรรม รวมไปถึงทีมงานในบ. ตอนที่เข้าไปส่องก็เห็นว่าที่บ.ใช้  Ruby on Rails ซึ่งเป็นภาษาที่เราไม่เคยเรียนมาก่อนและไม่รู้จักมาก่อน  ก็เริ่มแอบหวั่นใจ (จะรอดไหมวะ) เราใช้เวลาเกือบ 2 เดือน ในการนั่งคิด พิจารณา คิดแล้วคิดอีก ส่องแล้วส่องอีก และฟังเสียงรือเสียงเล่าอ้างจากคนอื่นๆ ว่าบ.นี้ดีนะ การทำงานไม่เคร่งเครียดจนกดดัน พี่ๆใจดี อีกบราๆ จนตัดสินใจว่า โอเค เอาบริษัทนี้แหละ

พอทางสาขาเริ่มให้หาที่ฝึกงาน เราก็ยื่นคำขอฝึกงานไปทันที ระหว่างรอเมลตอบกลับ ก็แอบได้ยินเพื่อนๆหลายคนบอกว่า ยื่นคำขอ บ.นี้เหมือนกัน (อื้มมม คู่แข่งเริ่มเยอะละ) ระหว่างรอก็ทำใจ เลยยื่นบริษัทอื่นๆสำรอง (เผื่อแห้ว) แต่ในใจยังอยากฝึกงานบ. นี้!!!  ถึงขั้นไปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะ 5555 แล้วทางบริษัทก็ส่งเมล ให้ตอบแบบสอบถาม ที่เอิ่ม….. ค่อนข้างแปลก แปลกจริงๆ เค้าไม่ถามเลย ว่าการเรียนเราเป็นยังไง  มีแต่คำถามที่เราคิดว่า เค้าจะรู้ไปทำไม 5555 (แต่เอาวะ อยากรู้ก็จะตอบให้) พอตอบเสร็จกดส่งจากนั้นก็รอคอยอย่างมีความหวัง วันแล้ววันเล่า และแล้ววันที่ทางบริษัทโทรมาตอบรับการฝึกงานก็มาถึง เย้!!!!!!!!! ซึ่ง… อีก 2 วันคืนวันสิ้นสุดการหาที่ฝึกงาน (เกือบไปแล้ว เกือบไม่มีที่ฝึกงานแล้ว)

ก้าวแรกของการฝึกงาน

สองสัปดาห์แรกของการฝึกงาน คือการ เข้าเรียน Bootcamp ก็เป็นการปรับพื้นฐานของเราอะแหละ จะสอนทุกอย่างที่จำเป็น ทั้ง Font end, Back end, Ruby on Rails, Typescript และอื่นๆ โดยจะมีพี่ที่ทำงานเวียนกันมาสอน พร้อมๆกับการทำความรู้จักพี่ๆไปด้วย ก่อนจะเริ่มฝึกงานจริง

เราชอบการฝึกงานของที่นี่นะ เหมือนแบบเรามาเรียนรู้งานจริง ตอนมา มาแต่ตัว แต่ตอนกลับได้ความรู้กลับแน่ๆ ช่วงแรกก็แอบเกร่ง ไม่กล้าถาม กลัวพี่ๆจะเกรี้ยวกราด แต่พอได้เริ่มเรียนเริ่มถามแล้ว ก็รู้เลยว่า พี่เค้าใจดีกันจัง ช่วยสอนเราให้เข้าใจสิ่งต่างๆในบ. เป็นการเปิดโลกการทำงานที่ดีเลยแหละ หลังจากครบสองสัปดาห์แล้ว พี่เค้าก็จะมานั่งคุยกับเรา ว่าเป็นยังไงบ้าง เห็นภาพรวมการทำงานแล้วหรือยัง อยากทำงานแบบไหน มีอะไรที่ยังไม่เข้าใจบ้าง ซึ่งเราว่าทางบ.เค้าก็ใส่ใจเด็กฝึกงานดีนะ

ในแต่ละวันทำอะไรบ้าง ?

และแล้วก็เข้าสู้การทำงาน ซึ่งเป็นโปรเจคจริง ที่ไม่ใช่โปรเจคที่สร้างขึ้นมาเพื่อสำหรับเด็กฝึกงาน โปรเจคที่มีลูกค้าจริง ทีมก็เป็นทีมงานที่ทำงานกันจริง!!! ไม่ใช่การเซ็ตขึ้นมาแต่อย่างใด เวลาเจอปัญหาก็เป็นปัญหาจริง Realสุดๆ ได้สัมผัสชีวิตการทำงานที่แท้ทรู แต่ก็มีพี่ 1 คนที่ประกบเราคอยสอน อธิบายงานให้เราอยู่นะ (บ. เค้าก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดน้านนน) ซึ่งเราสามารถถามได้เต็มที่ ที่จริงก็สามารถถามพี่ได้ทุกคนและพี่เค้าก็ยินดีตอบกันทุกคน ใจดีมากกกกกกก สำหรับการทำงาน ใช้หลักการทำงานแบบ Agile จะมาเป็น Task ที่พิจารณา แล้วว่าเราสามารถทำได้แต่บางงานก็ท้าทายอยู่เหมือนกัน โดยเริ่มจากงานเล็กๆน้อยๆ แล้วค่อยเพิ่มขึ้นมาทีละนิด

บรรยากาศในการทำงาน

เราว่าที่ บ.เค้าไม่ค่อยเน้นกฏระเบียบจ๋า เลยทำให้ความกดดันในการทำงานมีน้อย  หลักๆเค้าจะเน้นเรื่องความรับผิดชอบต่องานมากกว่า ถ้าว่างก็หาอะไรทำได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีงานเข้ามาก็ต้องทำงานให้เสร็จก่อน ซึ่งเราว่าเราเลือก บ.ไม่ผิด  เรื่องการแต่งตัว แต่งยังไงก็ได้ แต่ก็ดูการเทศะด้วย

โต๊ะทำงานก็จะนั่งรวมกับพี่ๆไม่ได้มีการแบ่งแยกแต่อย่างใด พี่ๆก็เฟรนลี่เวลามีกิจกรรมก็ชวนเราร่วม ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลย แล้วก็มีแมวเมี๊ยว ไว้เล่นคลายเครียดด้วย น้อนน่ารักไม่หยิ่ง จกพุงนุ่มนิ่มได้ ที่สำคัญเลยคือมีขนมและเครื่องดื่มให้กินด้วย อันนี้ถูกใจสุดๆ 5555

แล้วได้รับอะไรจากการฝึกงานบ้าง?

อย่างที่ 1 การเรียนอะไรใหม่ๆ แน่นอนอยู่แล้วว่าตอนทำงานมันไม่เหมือนกันตอนเรียนเลยย เราต้องเจออะไรที่ในรั้วมหาลัยไม่เคยสอนเรา อย่างแรกเลยคือ ภาษาใหม่ที่ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ 0 เลยทีเดียว วิธีการเขียนโค้ดที่เปลี่ยนไป ทำให้เรารู้ตัวชัดๆ เลยว่าการเขียนโค้ดเราคือ.. ไม่ได้เรื่องเลย เขียนก็ยาว วกวน  ในหัวว่างเปล่ามาก การทำงานงานในช่วงแรกจะออกมาอ๊องๆ เอ๋อๆ หน่อย ต้องปรับตัวพอสมควร เวลาเริ่มไปต่อไม่เป็นก็ได้พี่ๆ เข้ามาช่วยแนะนำ

อย่างที่ 2 การทำงานเป็นทีม ซึ่งต้องเข้าใจ เรียนรู้ ยอมรับ ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ และการสื่อสารกับคนในทีมอันนี้สำคัญมาก

อย่างที่ 3 ความรับผิดชอบที่มากขึ้น สมัยเรียนเราเป็นพวกถ้ายังไม่ใกล้เดดไลน์งานไม่เดิน แต่พอมาที่นี่คือไม่ได้เลยนะ เพราะเราต้องแข่งกับเวลา ช่วงแรกๆ ก็แอบเครียดตรงนี้นิดนึง ซึ่งเราก็ต้องคอยเตือน บังคับตัวเองให้ตั้งสมาธิทำให้เสร็จทันเวลา พอทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกดีเหมือนกันนะทำให้คิดได้แบบ เออว่ะงานแค่นี้เอง ทำแป๊ปเดียวก็เสร็จล่ะ รู้สึกว่าตัวเราขยันมากขึ้นเลยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่

สุดท้ายนี้อยากฝากถึง บริษัท บานานา โค้ดดิ้ง ขอบคุณที่ให้โอกาศได้มาฝึกงานที่นี้ ทำให้ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเยอะมากๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี และก็ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่คอยสอน คอยให้คำแนะนำ และคอยดูแลมาตลอด พี่ๆมีส่วนช่วยให้เติบโตมากขั้นจริงๆ ขอบคุณค่ะ

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย ไอซ์ (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

สวัสดีค่ะ เราชื่อไอซ์ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เราจะมารีวิวประสบการณ์การฝึกงานที่ บริษัท บานาน่า โค้ดดิ้ง ให้ได้อ่านกันค่ะ ตามหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเราต้องหาที่ฝึกงานตอยเทอม 1  เราได้ยื่นขอฝึกงานไปหลายที่ รวมถึงบริษัท  บานาน่า โค้ดดิ้ง ด้วย เรากังวลมากว่าจะหาที่ฝึกงานไม่ได้ ตอนที่บริษัท บานาน่า โค้ดดิ้ง ติดต่อมาว่าเราได้ฝึกงาน นี้คือโค้งสุดท้ายจริง เพราะเราต้องเขียนใบแสดงบริษัทที่ได้ไปฝึกงาน ไปส่งให้มหาลัยเป็นวันสุดท้ายพอดี บอกเลยความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมาก แต่เราก็แอบกังวลนะ เพราะเราไม่ใช้คนเก่ง และทางบริษัทก็ไม่ได้ใช้ window ในการทำงานด้วย แบบกลัวไปหมด ว่าจะเข้ากับพี่ๆที่บริษัทได้รึเปล่า คือบอกเลย ณ จุดๆนั้นทั้งดีใจทั้งกังวล 

คือก่อนหน้าที่จะเริ่มเข้ามาฝึกงานจะต้องเอาเอกสารมาส่งให้ที่บริษัทก่อน ก็เลยขับรถมอเตอร์ไซค์มากับเพื่อนที่ได้มาฝึกงานด้วยกัน บอกเลยนะคะว่า ร้อน รถติด มากๆ มีความงงทางนิดหน่อย พอมาถึงที่บริษัทก็มีความเกร็งๆ ทำตัวไม่ถูก แต่พี่ๆเขาก็ดูแลดี มีทักทายเราเป็นกันเอง  บรรยากาศก็เย็นสบาย ประทับใจสุดๆ  

เมื่อมาเริ่มฝึกงานที่นี่ พี่เข้าก็จะให้เราเข้า Bootcamp เป็น camp ที่พี่เข้าจะเข้ามาเทรนให้เราก่อนจะให้ลงมือทำงานจริงๆ ระยะเวลาที่ใช้ก็ประมาณ 1 เดือน พี่เข้าก็จะสอนเกี่ยวกับ การใช้งานภาษา หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องใช้ทั้งหมด เช่น GitHub, Trello, Slack, Ruby on Rails , HTML+CSS+JS, Angular+TypeScript เป็นต้น พี่ในบริษัทจะสลับกันมาสอน ช่วงแรกที่เริ่ม เราไม่ค่อยได้เลยกลัวพี่เขาว่า เราเป็นคนเข้าใจอะไรยากต้องค่อยๆทำความเข้าใจ แล้วโน๊ตบุ๊คของเราก็มีปัญหา แต่พวกพี่เขาก็ไม่ว่าอะไรเราเลย ใจเย็นค่อยๆสอนเรา แล้วก็เอาแมคบุ๊คของบริษัทมาให้เรายื่มใช้แทน เรามีกำลังใจขึ้นมากเลย 

พอหมด Bootcamp พี่เขาก็ถามเราว่าสนใจงานทางไหนเป็นพิเศษ และพี่เข้าก็ให้เราจับโปรเจคจริง โดยที่มีพี่เลี้ยงคอยดูแล เราสามารถขอความช่วยเหลือหรือถามอะไรก็ต่ามที่เราไม่เข้าใจเกี่ยวกับงานกับพี่เลี้ยงเราได้เลย เราได้สัมผัสกับบรรยากาศ และการทำงานจริงๆ มีการประชุมงานที่ได้รับมอบหมายในแต่ละอาทิตย์ ตอนแรกที่ได้งานมาคือ คิดในใจว่า “จะเริ่มทำจากตรงไหนดี ที่จะเขียนอะไรดี ขึ้น error แดงๆนี้มันพังอยู่ตรงไหน ”  มึนหัวสุดๆ แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี พี่ๆเขาก็ค่อยช่วยอยู่ตลอด ในส่วนพี่ๆที่ทำงาน คือพวกพี่เขาเก่งมาก ไม่บ่นหรือแสดงท่าทีรําคาญ เวลาเราถามคำถามเยอะๆ พี่ๆเขาเฟรนด์ลี่เข้าหาง่าย ชวนคุย เล่นเกม สนุกสนาน คือมันทำให้บรรยากาศในการทำงานไม่ได้ตึงเครียดเลยดูเป็นกันเองสุด ๆ มันช่วยลดความกดดันในตอนแรกที่ได้ทำงานได้มากเลย  

เราได้รับประโยชน์จากการฝึกงานมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก คือจากตอนแรกที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นเลย ก็เริ่มทำงานด้วยตัวเองได้ ได้เรียนรู้การทำงานแบบเป็นทีม เรามีระเบียบวินัยในการทำงานมากขึ้น มีความรับผิดชอบ คือเราก็บอกไม่ถูกนะว่าสิ่งที่เราได้รับจากการฝึกงานที่บริษัทนี้มันมากแค่ไหน เรารู้แค่ว่ามันเป็นอะไรที่เราจะหาไม่ได้จากการเข้าเรียนในชั้นเรียน หรือฟังอบรมในห้อง มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถพัฒนาความสามารถของตนเองให้มากขึ้น 

สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอบคุณพี่ ๆ ในบริษัททุกคน ที่คอยช่วยเหลือในหลายๆ เรื่อง รวมถึงเพื่อน ๆ ที่มาฝึกงานด้วยกัน ระยะเวลาตั้งแต่เริ่มฝึกงานจนจบการฝึกงาน  ขอบคุณบริษัทที่ให้โอกาศเราให้ได้เข้ามาฝึกงาน และที่อยากขอบคุณที่สุดก็คือตัวเอง ขอบคุณที่ยื่นขอฝึกงานที่บริษัทนี้ ขอบคุณที่ก้าวข้ามความกลัวต่างๆในใจมาได้ ทำให้เราได้เจอกับประสบการณ์ที่ดีแบบนี้  เราขอจบการรีวิวประสบการณ์การฝึกงานที่บริษัท บานาน่า โค้ดดิ้ง  แต่เพียงเท่านี้ค่ะ 

รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย เอ้ (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

“ สวัสดีครับ ผมชื่อ เอ้ ณ วันที่เขียนบทความนี้ ผมอยู่ชั้น ปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ครับ วันนี้จะมาเล่าประสบการ์ณการ ฝึกงาน ( 2 เดือน ) และสหกิจศึกษา ( 4 เดือน ) ที่ Banana Coding ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันแล้วของการฝึกงานและสหกิจที่นี่ เลยอยากจะแชร์ความรู้สึกดีๆที่มีตลอดเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมาให้อ่านกันครับ “

ผมเกริ่นก่อนนะครับว่าสาขาที่ผมเรียนนั้นต้องหาสถานที่ฝึกงานและสหกิจ ก่อนจบปีที่ 3 เทอม 2 ให้ได้ ไม่ฉะนั้นก็ต้องฝึกในปีหน้าหรือฝึกที่สาขาแทนโดยส่วนตัวผมแล้วและเพื่อนๆเห็นพ้องต้องกันว่าต้องฝึกงานและสหกิจในปีนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วการหาที่ฝึกงานนั้นทุกคนต่างตบตีแย่งชิงกันหาสถานที่ฝึกงานและสหกิจกันชนิดที่ว่าดุเดือดกันสุดๆเลยละครับ โดยส่วนตัวผมแล้วก็แอบส่งไปหลายที่มากๆครับทั้งบริษัทอยู่ใน กทม หรือในตัวเมืองเชียงใหม่มีตอบกับมาบ้างมีนัดสัมภาษณ์บ้าง มีการสอบบ้างเพื่อวัดระดับความรู้บ้าง และแน่นอนครับ Banana Coding ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่ผมยื่นสมัครซึ่งแน่นอนครับผมไม่ใช่คนๆเดียวแน่นอนที่ยื่นสมัคร ซึ่งผมก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะแต่เพื่อนๆแต่ละคนเก่งกันมากและที่สำคัญเกรดดีอีกต่างหากต่างจากผมที่เกรดไม่ได้ดีได้แย่อะไร skillก็พอเขียนได้ แต่สุดท้ายไม่ว่าด้วยอะไรก็ตามผมก็ได้ฝึกงานที่นี้ละครับ เพราะฉะนั้น น้องๆ ที่เคยคิดว่าเกรดเราแย่เราไม่น่าได้หรอกอย่าไปยื่นสมัครแข่งกับเขาเลย ให้คิดใหม่ครับ ลองยื่นที่ Banana Coding ดูครับอย่าปิดโอกาสตัวเองล่ะ

เกริ่นซะยาวเลยมาเข้าเรื่องการฝึกงานและสหกิจกันครับ ก่อนอื่นเลยที่ Banana Coding น้องๆที่มาฝึกงานใหม่นั้นจะยังไม่ได้เริ่มทำงานหรือฝึกงานเลยนะครับ จะต้อง เข้า Bootcamp ก่อน 2 อาทิตย์ นะครับ ทีนี้น้องๆก็จะงงว่า Bootcamp คืออะไร Bootcamp ก็คือ เหมือนห้องเรียนสำหรับปูพื้นฐานๆที่พี่ Banana Coding จะซับเปลี่ยนหมุนเวียนมาสอน ในแต่ละวัน ตามแต่ละหัวข้อโดย ระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ครับ โดยจะสอนเกี่ยวกับ Git, Trello, HTML, CSS, Bootstrap, Ruby, RubyOnRails , JavaScript, Typescipt, Angular 2 หรือแม้กระทั่งการเขียน Test โดยการสอนแต่ละหัวข้อก็จะมีการบ้านให้มาฝึกทำหรือให้ทำในคาบเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เรียนในวันนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

หลังจากที่ผ่าน Bootcamp แล้ว น้องก็จะได้ Mentor ( พี่เลี้ยง ) ของตัวเอง คอยช่วยเหลือน้องเวลามีปัญหาหรือไม่เข้าใจส่วนก็ถามพี่เขาได้ตลอดเวลาเลยละครับและน้องๆก็จะได้ Project งานเป็นขอตนเอง ซึ่งอาจเหมือนเพื่อนหรือไม่เหมือนเพื่อนอันนี้ก็แล้วแต่พี่ๆเขาจะเอาเราไปช่วยละนะ โดยครั้งแรกที่ได้จับงานรู้สึกเลยว่า “กดดัน และ เครียด” พอสมควรเลยทีเดียว แน่ละเพราะเราก็ไม่เคยทำงานมาก่อนละนะ อะไรต่างๆก็คิดไปเองซะหมด แต่พอเอาเข้าจริงๆ พี่เขาก็ไม่ได้ให้งานที่เกินความสามารถเราเลยนะ แรกงานที่ได้รับอาจจะง่ายๆหน่อยเช่น แก้ CSS เบื้องต้น แก้ปุ่มอะไรนิดๆหน่อย พอพี่เขามั่นใจ (รึเปล่า ?) ว่าเราเริ่มทำงานได้แล้วงานก็จะเริ่มๆค่อยยากขึ้นตามระยะเวลาแหละ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็สอบถามพี่เขาได้ตลอดเวลาเลย ถ้าไม่ได้ตรงไหนติดตรงไหน บางอย่างเราออาจะคิดมากไปหรือคิดไม่ถึงพี่เขาแก้ให้หมด เหมือนกับว่าไอที่ๆเราเขียนๆมาเนี่ยเหมือนเดินทางอ้อมโลกอย่างไรอย่างงั้นเลย พอพี่เขาแก้ให้กลายเป็น “สั้นง่ายได้ใจความ” เลยทีเดียว โดยงานที่เราจะได้รับก็แล้วแต่ว่าอาทิตย์นั้นๆ ว่ามีงานมากน้อยแค่ไหน

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องบรรยากาศในการทำงาน พี่ๆเขาเป็นเฟรนลี่กันทุกคนเลยละครับ มีปัญหา อะไรปรึกษาพี่ๆเขาได้หมดเลย เล่นมุขยิงมุขกันยังได้เลยละ เพราะฉะนั้นทำให้บรรยากาศเป็นกันเองทำงานได้เรื่อยๆไม่เครียด พอพักเที่ยงก็อาจจะเล่น Board game หรือ เล่นเกมส์กันเพื่อผ่อนคลายตอนพักเที่ยงก็มีครับ ส่วนขนมต่างๆ น้ำหวาน พี่ๆเขาก็มีให้กินได้ตามสบายเลยแถมในบางครั้งพี่ๆเขาก็เลี้ยงข้าวเราหรือพาไปกินร้านอาหารกันทั่งออฟฟิศตามในแต่ละโอกาสต่างๆก็มีให้เห็นบ่อยๆครับไม่อดตายแน่นอน

จากที่ผมเล่ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์ทำงานจริง ประสบการณ์การทำงานเป็นทีม การรับผิดชอบงานที่ตัวเองไดด้รับมอบหมาย ได้เจอกับสภาพแวดล้อมในการทำงานจริงๆ และอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ต่างได้รับประโยชน์ในแต่ละอย่าง อย่างครบถ้วนเลยละครับ

สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่ทุกคนสำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมา ในเรื่องประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างมากมาย และบรรยากาศในการทำงานที่ดีๆแบบนี้ และถ้าผมผิดพลาดอะไรไปก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณจากใจจริงๆครับ