
ก่อนสิ่งอื่นใด! ผมจะขออนุญาตแนะนำตัวสักหน่อยนะครับ สวัสดีครับผม มิกส์ ครับ เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ครับ มีความชอบในการเขียนโปรแกรมครับ (ไม่มีเหตุผลรองรับแบบเป็นรูปธรรม) งานอดิเรก คือ ดูหนัง เล่นเกม ชอบฟังเพลงตอนขับรถ แนวเพลงที่ชอบคือ AlTERNATIVEROCK, HEAVRY METAL ไม่ชอบกินผักและอาหารที่มีความเผ็ดร้อน เอาละกลับเข้าเรื่องดีกว่า
รู้จักกับ บานาน่า โคดดิ้ง ได้อย่างไร และ ทำไมเลือกฝึกงานที่นี้?
รู้จักที่นี้ครั้งแรกเลยคือ รายชื่อบริษัท software ที่รับเด็กฝึกงาน จากอาจารย์ในสาขา โดยครั้งแรกที่สะดุดตากับชื่อบริษัทเป็นอย่างมากเพราะอยู่เป็นรายชื่อแรก ๆ (บริษัทไรเอากล้วยมาเขียนโคด อ่ะหยอก~) หลังจากที่หาข้อมูลของบริษัทจากพี่ที่รู้จัก Blog รีวิวต่างๆ ไปจนถึงผลงานของบริษัท ก็ได้ตัดสินใจลองส่งใบสมัคร (https://bananacoding.com/fitting) มาที่บริษัทนี้ ระหว่างที่รอผลตอบรับซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน (อาจจะดูนานแต่จริงๆแล้วเค้ารับพิจารณาเป็นรอบๆไป และดันส่งไปจังหวะไม่ดีเลยรอนาน ฮ่าๆ) ก็ได้รับการตอบกลับให้เข้าสัมภาษณ์ และเนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการโควิด จึงได้สัมภาษณ์ออนไลน์ ซึ่งเป็นอะไรที่ชิวมาก เหมือนมานั่งทำความรู้จักกันประมาณครึ่งชั่วโมง (ที่ชิวเพราะว่าไปสัมภาษณ์อีกที่มาแล้วเครียดจัด ฮ่าๆ) หลังการสัมภาษณ์เสร็จก็ได้รับการตอบรับว่ารับเข้าฝึกงานในเวลาต่อมา
ช่วง Bootcamp!
การเข้าไปฝึกงานที่บริษัทนี้ จะมีช่วงสอนงานให้ก่อนประมาณ 3 สัปดาห์ ให้รู้จักกับรูปแบบการทำงานของบริษัท ภาษาที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรม เครื่องมือต่าง ๆ ที่บริษัทใช้ในการทำงาน ไปจนถึงวัฒนธรรมภายในองค์ โดยจะมาพี่ ๆ ในที่ทำงานวนกันมาสอนเพื่อให้เราได้รู้จักกับพี่หลาย ๆ คนที่จะค่อยช่วยเราในการทำงานต่าง ๆ อีกด้วย
หลังจาก Bootcamp
บริษัทจะให้เด็กฝึกงานได้ลองที่โปรเจค จากสิ่งที่ได้เรียนใน Bootcamp สามารถทำเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวก็ได้ (สเกลงานขึ้นอยู่กับจำนวนคน) โดยจะมีพี่ senior คอยให้ความช่วยเหลือเราอยู่ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทำงาน หรือเกิด error confict ต่าง ๆ ในเรื่องที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจ สามารถถามพี่ได้ตรง ๆ เลย พี่ ๆ จะคอยให้ความช่วยเหลือในระดับที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย โดยโปรเจคของมิกส์คือ Project Bloodneed เป็นโปรเจคที่ทำร่วมกับเพื่อนฝึกงานอีก 3 คน เป็นโปรเจคที่สร้างพื้นที่สำหรับผู้ที่ต้องการเลือดและสนใจที่จะบริจาคเลือด ในรู้แบบของเว็ปแอพพลิเคชั่น พัฒนาโดยใช้เฟรมเวิร์ก Ruby on Rails แบบ Full Stack ได้ลองใช้ฐานข้อมูลทั้ง Postgresql และ AWS S3 มีการทดสอบคุณภาพของเว็ปโดย RSpec Rubocop Scsslint และ Brakeman ได้ทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Hot wire (ใช้เวลาในการพัฒนาเวอร์ชั่นที่ 1 ประมาณ 2 เดือน) หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ในบริษัททำโปรเจคของบริษัทอีกด้วย
บรรยากาศในการทำงาน
ที่นี่ไม่ได้เคร่งเรื่องกฏระเบียบการแต่งการ หรือสถานที่ทำงานมากนัก เน้นไปที่ความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบของตนเองมากกว่า สวัสดิการในการทำงานที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นขนน เครืองดื่ม สถานที่ทำงาน อุปกรณ์ช่วยในการทำงานต่าง ๆ เช่น จอคอม ปลั๊กพ่วง ไปจนถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถยืมได้ และแมววววววว แมวโว๊ยแมวจริง ๆ น้อง ๆ ติดคนมากสามารถเล่นได้ไม่กัด (แต่ใครที่แพ้ขนแมวจะต้องร้องไห้เลยหละ) สุดท้ายคือเวลาเข้างาน/ออกงานซึ่งเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ไม่เห็นพี่คนไหนทำงานนอกเวลางาน มีเวลาพักชัดเจน วันหยุด! คือ หยุด! (เว้นงานเข้าแบบเลี่ยงไม่ได้หรืออะไรนิดๆหน่อยที่พอจะทำให้ได้) ซึ่งเป็นอะไรที่เยียมไปเลย
รูปแบบการทำงาน
ที่นี้ทำงานเป็น Sprint แต่ละ Sprint ใช้เวลา 1 สัปดาห์ จะมีการประชุมติดตามความเคลื่อนไหว ปัญหาที่เกิดขึ้นในงานต่าง ๆ และแจกจ่ายงานในแต่ละสัปดาห์ ในแต่ละวันจะมีการลงเวลาที่ใช้ในการทำงานด้วย ในช่วงที่มีอีเว้นหรือกิจกรรมต่าง ๆ เช่น คริสต์มาส หรือ ปีใหม่ น้องฝึกงานก็มีสิทธิ์เข้าร่วมด้วยทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ~
สิ่งที่ได้จากการฝึกงานครั้งนี้
อย่างแรก ได้ลองใช้เครื่องมือในการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ ที่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยหรือทำโปรเจคอาจไม่มีโอกาศได้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น Git AzureDev commard ต่าง ๆ รวมไปถึงภาษาที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมด้วย
อย่างที่สอง ฝึกความรับผิดชอบ เนื่องจากทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่น ๆ มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบกันอย่างชัดเจน ทำให้ต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ขอตนเองและผู้อื่น แยกแยะและจัดสรรค์เวลาในการทำงานอีกด้วย
อย่างสุดท้าย ได้เทคนิดการแก้ไข้ปัญหาต่าง ๆ จากพี่ที่ดูแล และเพื่อนร่วมงานไปแบ่งบันเทคนิดต่าง ๆ ให้กัน เราได้ช่วยเพื่อน เพื่อนก็ได้ช่วยเรา และพี่ก็ช่วยเราทั้งหมด (เอ้ะ แปลกๆ)
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่ ๆ ที่บริษัท บานาน่า โคดดิ้ง ทุก ๆ คนที่ช่วยเหลือ และดูแลมาตลอดระยะเวลา 4 เดือนในการฝึกงานครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ และสัญญาว่าจะจำไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะนำประสบการณ์ดีอย่างนี้ไปปรับใช้ในชีวิตการทำงาน ร่วมถึงช่วยเหลือคนอื่น ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ เหมือนที่พี่ ๆ ช่วยเหลือผมต่อไป ขอบคุณมากครับ