
สวัสดีครับ ผมไมค์ เป็นนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ คณะวิศกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 4 วันนี้ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ในการทำงานที่บริษัท บานาน่าโค้ดดิ้งครับ
ขอเริ่มจากวันแรกเป็นช่วงที่ใกล้เปิดเทอมภาคเรียนที่ 2 อยู่ ๆก็มีการดึงนักศึกษาที่ต้องการฝึกงานเข้ากลุ่ม Line และมีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมาทำให้ผมต้องขนลุก “นักศึกษาที่ต้องการฝึกงาน ให้หาที่ฝึกงานแล้วส่งให้พี่ภายในอาทิตย์นี้นะคะ” นั่นทำให้ผมรู้สึก “เกลียดความหวั่นไหวที่ก่อตัวในใจฉัน” T0T หนึ่งอาทิตย์ในการหาที่ฝึกงาน!!! หรือว่านี่จะเป็นบททดสอบของทางคณะในการหาผู้ที่แข็งแกร่ง ที่จะสามรถอยู่รอดบนโลกอันแสนโหดร้ายนี้ได้ เดิมทีแล้วผมคิดไว้ว่าอยากจะไปฝึกงานที่กรุงเทพ แต่ด้วยสมองอันน้อยนิดของผมจึงฉุดคิดได้ว่า ทั้งเวลา และ สถานการณ์โควิดแบบนี้มัน Impossible นั่นทำให้ผมต้องจับ keyboard ขึ้นมาแล้วสั่งจาร์วิส “หาที่ฝึกงาน software เชียงใหม่” หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง จาร์วิสของผมก็ได้ไปเจอกับ Blog ที่เล่าถึงประสบการณ์ในการฝึกงาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อผมกดเข้าไปอ่านนั้นทำให้ผมขนลุกอีกครั้ง เพราะว่าบทความเหล่านั้น เป็นสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ 5555+ ซึ่งหลังจากไล่อ่านบทความใน blog จนหมดแล้ว ทำให้ผมคิดได้ว่าที่นี่แหละจะเป็นส่วนที่ช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปให้เด็กชายตัวน้อยคนนี้ได้เติบโตขึ้น หลังจากที่มโนเสร็จแล้วผมก็กดเข้า link กรอกใบสมัครผ่านไปไม่นานก็มีพี่ที่บริษัทติดต่อเข้ามาให้เข้าสัมภาษณ์ หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จแล้วผ่านไปไม่นาน จาร์วิสของผมก็บอกว่ามีสายเข้ามา เมื่อผมกดรับสายก็มีการประกาศผลว่า น้องผ่านการณ์สัมภาษณ์นะ นั่นทำให้ผมขนลุกอีกครั้งสิ่งนี้ทำให้ผมคิดได้ว่า นี่เราเป็นชายชาตรีที่สารถมารถอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้แล้วสินะ T_T (ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆ ที่ทำทุกขั้นตอนได้อย่างรวดเร็วทำให้เด็กชายตัวน้อย ๆคนนี้ได้มีที่ฝึกงานนะครับ)
หลังจากที่มีแต่น้ำตอนนี้ก็จะเข้าสู่โหมดจริงจัง!! ซึ่งผมจะขอเล่าการใช้ชีวิต การทำงาน และประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่ครับ
สำหรับผมการมาฝึกที่นี่ในวันแรกนั้นด้วยความที่ผมมาคนเดียว และ ไม่คุ้นชิ้นกับสถานที่ นั่นทำให้ผมรู้สึกเกร็ง และ รู้สึกอึดอัดมากเลยครับ 5555 ไม่ใช่เพราะพี่ ๆที่นี่โหดหรืออะไรหรอกนะครับพี่ๆที่นี่ทุกคนใจดีมาก แต่ด้วยพื้นฐานแล้วผมเป็นคนชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยออกไปเที่ยวไหนมากกว่าทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ซึ่งตอนที่ผมฝึกงานที่นี่พี่ๆ ก็จะอยากให้น้องฝึกงาน เข้ามาทำงานที่ office วันจันทร์และวันพฤหัสบดี ส่วนวันอื่น ๆสามารถ WFH ได้ ซึ่งช่วงแรก ๆผมก็เข้ามาทำงานที่ office ทุกวันแหละครับ เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ และ พี่ๆบางคนที่เข้ามาทำงานที่ office (ซึ่งพี่ๆส่วนมากก็จะ WFH กันมากกว่า) ซึ่งการปรับตัวของผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นในวันที่สามของการฝึกงาน และ พอผ่านไป 168 ชั่วโมง (หนึ่งสัปดาห์) ผมก็เริ่มสนิทกับเพื่อนใหม่ และ เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น 555+ หลังจากนั้นการฝึกงานที่นี่ก็จะเริ่มสนุกขึ้นครับ ช่วง 3 สัปดาห์แรกนั้นจะเป็นช่วง Bootcamp ที่พี่ ๆ แต่ละคนก็จะเปลี่ยนกันเข้ามาสอนเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
Azure DevOps, Git, HTML, CSS, Ruby Language, Ruby on Rail และ gem ต่าง ๆ ของ Ruby on rails, Banana Testing
ซึ่งในช่วง Bootcamp นี้เราก็จะได้เรียนและก็จะมีโจทย์การบ้านให้เราไปทำด้วย อารมณ์เหมือนกับการเรียนที่มหาลัยเลยครับ 5555+ สำหรับผมคิดว่าดีมากเลยครับเพราะช่วงสามสัปดาห์แรก เราจะได้ใช้เวลาทำความรู้จักเพื่อนๆและพี่ๆมากขึ้นและยังได้เรียนรู้สภาพแวดล้อมการทำงานที่นี่อีกด้วย ว่าแล้วก็เข้าสู่ช่วงขายของ ที่นี่เริ่มทำงาน 9.00 น. เลิกงาน 17.00 น. แถมมีขนมให้กินเล่นอีกด้วย และที่อยากขายเลยคือที่นี่มีห้องให้สำหรับน้องฝึกงานด้วยนะเออ ซึ่งห้องนี้เราก็จะใช้ทั้งเรียน ทำงาน และ ประชุม อาจจะมีพี่แวะเข้ามาพูดคุยด้วยเป็นบางครั้ง และที่ประทับใจกับที่นี่มากถึงมากที่สุดเลยคือ พี่เขาให้ความไว้ใจเรามาก ๆเลย ซึ่งไว้ใจในที่นี้คือ พี่เขาจะไม่มานั่งดูเลยว่าเราทำงานอยู่ไหมน้า หรือ แอบเล่นเกมอยู่หรือเปล่าน้า และก็จะไม่มีการบังคับเลยว่าต้องพักเวลานี้เท่านั้นหรือถ้าไม่ถึงเวลานี้ห้ามหยิบมือถือมาเล่น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้หัวใจของเด็กชายคนนี้กลับมาหวั่นไหวอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องเราผิดชอบในงานที่เราได้รับมอบหมายให้เสร็จด้วยน้า และที่สำคัญคือให้คิดไว้เสมอว่าเรามาฝึกงานเพื่ออะไร คงไม่ใช่มาเพื่อเล่นๆให้ผ่านไปวันหนึ่งหรอกใช่ไหม?
พอผ่านช่วง 3 สัปดาห์แรก พี่ก็จะให้เราเริ่มทำโปรเจคที่เราคิดขึ้นมาแล้วแต่น้อง ๆที่ฝึกงานอยากทำแต่ต้องนำเสนอให้ผ่านก่อนนะว่าโปรเจคที่เราอยากทำนั้นมันช่วยแก้ปัญหาในชีวิตจริงได้หรือเปล่า พอนำเสนอผ่านแล้วพี่ก็จะมีการจัดตั้งทีมขึ้นมาสำหรับโปรเจคนี้และน้องฝึกงานก็จะได้ไปอยู่ในตำแหน่ง Sofeware Engineering และก็จะมีพี่ที่เก่งๆเข้ามาร่วมทีมกับเราด้วยแต่ละทีมก็จะมีหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งจุดนี้แหละที่เราจะได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีมแล้วได้เรียนรู้ด้วยว่า เวลาที่โค้ดของเรากับของเพื่อนชนกัน(conflict) มันเป็นยังไง 5555 ซึ่งช่วงที่ทำโปรเจคนี้เราก็จะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากทั้งเรื่องการเขียนโค้ด การใช้ Tools การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกับคนอื่น สิ่งที่อยากแนะนำในช่วงนี้เลยคืออย่ากลัวที่จะลองและอย่ากลัวที่จะถาม บางครั้งเราจะเกิดความกลัวที่จะใช้เครื่องมือที่เราไม่เคยเจอหรือกลัวไปทำแบบนั้นแล้วจะพัง แต่จากประสบการณ์ที่ฝึกงาน ทำให้ผมคิดได้ว่าทำแล้วผิดพลาดนั่นแหละจะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราได้เรียนรู้และจำขึ้นใจเลยว่า สิ่งไหนไม่ควรทำหรือ ถ้ากลัวพลาดจริงๆ เราก็สามารถถามพี่ๆได้ ซึ่งอย่าลืมว่าเราคือนักศึกษาฝึกงานเพราะฉะนั้นใช้ช่วงเวลานี้ ในการเรียนรู้ให้เต็มที่และคุ้มค่า (คมป่ะล่ะ 555)
สองเดือนผ่านไปในที่สุดเหล่าน้อง ๆฝึกงานก็ได้ทำงานที่เป็นงานของลูกค้าจริง ๆ เย้!!! ซึ่งถามว่าตื่นเต้นไหม ก็ตื่นเต้นเล็กน้อยซึ่งการทำงานจริงนั้นสำหรับผมให้อารมณ์เหมือนทำกับโปรเจคก่อนหน้านี้เลยซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่ๆที่ train ให้น้องฝึกงานสามารถเตรียมความพร้อมจนสามารถเข้ามาทำงานนี้ได้ซึ่งบอกเลยว่า งานโปรเจคก่อนหน้านี้ช่วยให้เราทำงานนี้ได้ดีขึ้นจริง ๆเพราะทุกอย่างเราทำเละไว้ที่โปรเจคก่อนหน้านี้แล้วยังไงหละ 555 (หมายถึงเราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากโปรเจคก่อนหน้านี้) ทำให้เราสามารถทำโปรเจคนี้ผ่านไปได้ ซึ่งก็เป็นเพราะพี่ๆใจดีด้วยแหละไม่กดดันแถมคอยช่วยเหลือตลอด ทำให้รู้สึกว่าการทำงานจริงไม่รู้สึกเครียดเท่าไหร่ครับ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในสายงานนี้ก็คือ bug กับ Error เป็นสิ่งที่เราต้องเจออยู่ตลอดทุกวัน บางปัญหาที่แก้ได้ บางปัญหาที่ใช้เวลาเป็นวันก็แก้ไม่ได้หรือแก้ไม่ได้เลย เป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจผมมากซึ่งบางครั้งเราใช้เวลาหลายวันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะบอกเพื่อเตือนตัวเองหรือแนะนำคนอื่นก็คือลองเก็บปัญหาตรงนั้นไว้แล้วไปทำอย่างอื่นก่อนหรือลองพักก่อนแล้วค่อยกลับมาทำ การที่เราจดจ่อกับปัญหานั้นแล้วแก้ไม่ได้ซักที จากที่ผมรู้สึกเลยคือร่างกายจะเริ่มล้า เริ่มคิดไม่ออกและ วิธีแก้ปัญหาก็จะเริ่มวนไปมาซ้ำอยู่ที่เดิม ทำต่อก็เครียดเปล่าๆ เพราะฉะนั้นให้ลองพักก่อน พอสมองเราได้พักผ่อนแล้ว ค่อยกลับมาทำอีกครั้ง ซึ่งบางครั้งเราจะเจอวิธีที่แก้ปัญหานี้แบบง่ายๆ โดยที่เราไม่คาดคิดไว้เลยก็ได้ หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ลองให้คนอื่นช่วยดู ซึ่งนี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอในสายงานนี้
สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่คอยสอน คอยให้คำแนะนำในเรื่องต่าง ๆ และ ให้โอกาศได้มาฝึกงานที่ บานาน่าโค้ดดิ้ง ทำให้ผมได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์ในการทำงาน และขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่คอยอยู่ด้วยกัน และ ช่วยเหลือกันมาตลอด ทำให้ช่วงของการฝึกงานมีสีสันและสนุกมากขึ้น ขอบคุณครับ