รีวิวการฝึกงานกับบานาน่า โคดดิ้ง โดย เอ้ (วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

“ สวัสดีครับ ผมชื่อ เอ้ ณ วันที่เขียนบทความนี้ ผมอยู่ชั้น ปีที่ 4 คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ครับ วันนี้จะมาเล่าประสบการ์ณการ ฝึกงาน ( 2 เดือน ) และสหกิจศึกษา ( 4 เดือน ) ที่ Banana Coding ซึ่งเหลืออีกไม่กี่วันแล้วของการฝึกงานและสหกิจที่นี่ เลยอยากจะแชร์ความรู้สึกดีๆที่มีตลอดเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมาให้อ่านกันครับ “

ผมเกริ่นก่อนนะครับว่าสาขาที่ผมเรียนนั้นต้องหาสถานที่ฝึกงานและสหกิจ ก่อนจบปีที่ 3 เทอม 2 ให้ได้ ไม่ฉะนั้นก็ต้องฝึกในปีหน้าหรือฝึกที่สาขาแทนโดยส่วนตัวผมแล้วและเพื่อนๆเห็นพ้องต้องกันว่าต้องฝึกงานและสหกิจในปีนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วการหาที่ฝึกงานนั้นทุกคนต่างตบตีแย่งชิงกันหาสถานที่ฝึกงานและสหกิจกันชนิดที่ว่าดุเดือดกันสุดๆเลยละครับ โดยส่วนตัวผมแล้วก็แอบส่งไปหลายที่มากๆครับทั้งบริษัทอยู่ใน กทม หรือในตัวเมืองเชียงใหม่มีตอบกับมาบ้างมีนัดสัมภาษณ์บ้าง มีการสอบบ้างเพื่อวัดระดับความรู้บ้าง และแน่นอนครับ Banana Coding ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่ผมยื่นสมัครซึ่งแน่นอนครับผมไม่ใช่คนๆเดียวแน่นอนที่ยื่นสมัคร ซึ่งผมก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะแต่เพื่อนๆแต่ละคนเก่งกันมากและที่สำคัญเกรดดีอีกต่างหากต่างจากผมที่เกรดไม่ได้ดีได้แย่อะไร skillก็พอเขียนได้ แต่สุดท้ายไม่ว่าด้วยอะไรก็ตามผมก็ได้ฝึกงานที่นี้ละครับ เพราะฉะนั้น น้องๆ ที่เคยคิดว่าเกรดเราแย่เราไม่น่าได้หรอกอย่าไปยื่นสมัครแข่งกับเขาเลย ให้คิดใหม่ครับ ลองยื่นที่ Banana Coding ดูครับอย่าปิดโอกาสตัวเองล่ะ

เกริ่นซะยาวเลยมาเข้าเรื่องการฝึกงานและสหกิจกันครับ ก่อนอื่นเลยที่ Banana Coding น้องๆที่มาฝึกงานใหม่นั้นจะยังไม่ได้เริ่มทำงานหรือฝึกงานเลยนะครับ จะต้อง เข้า Bootcamp ก่อน 2 อาทิตย์ นะครับ ทีนี้น้องๆก็จะงงว่า Bootcamp คืออะไร Bootcamp ก็คือ เหมือนห้องเรียนสำหรับปูพื้นฐานๆที่พี่ Banana Coding จะซับเปลี่ยนหมุนเวียนมาสอน ในแต่ละวัน ตามแต่ละหัวข้อโดย ระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ครับ โดยจะสอนเกี่ยวกับ Git, Trello, HTML, CSS, Bootstrap, Ruby, RubyOnRails , JavaScript, Typescipt, Angular 2 หรือแม้กระทั่งการเขียน Test โดยการสอนแต่ละหัวข้อก็จะมีการบ้านให้มาฝึกทำหรือให้ทำในคาบเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่เรียนในวันนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

หลังจากที่ผ่าน Bootcamp แล้ว น้องก็จะได้ Mentor ( พี่เลี้ยง ) ของตัวเอง คอยช่วยเหลือน้องเวลามีปัญหาหรือไม่เข้าใจส่วนก็ถามพี่เขาได้ตลอดเวลาเลยละครับและน้องๆก็จะได้ Project งานเป็นขอตนเอง ซึ่งอาจเหมือนเพื่อนหรือไม่เหมือนเพื่อนอันนี้ก็แล้วแต่พี่ๆเขาจะเอาเราไปช่วยละนะ โดยครั้งแรกที่ได้จับงานรู้สึกเลยว่า “กดดัน และ เครียด” พอสมควรเลยทีเดียว แน่ละเพราะเราก็ไม่เคยทำงานมาก่อนละนะ อะไรต่างๆก็คิดไปเองซะหมด แต่พอเอาเข้าจริงๆ พี่เขาก็ไม่ได้ให้งานที่เกินความสามารถเราเลยนะ แรกงานที่ได้รับอาจจะง่ายๆหน่อยเช่น แก้ CSS เบื้องต้น แก้ปุ่มอะไรนิดๆหน่อย พอพี่เขามั่นใจ (รึเปล่า ?) ว่าเราเริ่มทำงานได้แล้วงานก็จะเริ่มๆค่อยยากขึ้นตามระยะเวลาแหละ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็สอบถามพี่เขาได้ตลอดเวลาเลย ถ้าไม่ได้ตรงไหนติดตรงไหน บางอย่างเราออาจะคิดมากไปหรือคิดไม่ถึงพี่เขาแก้ให้หมด เหมือนกับว่าไอที่ๆเราเขียนๆมาเนี่ยเหมือนเดินทางอ้อมโลกอย่างไรอย่างงั้นเลย พอพี่เขาแก้ให้กลายเป็น “สั้นง่ายได้ใจความ” เลยทีเดียว โดยงานที่เราจะได้รับก็แล้วแต่ว่าอาทิตย์นั้นๆ ว่ามีงานมากน้อยแค่ไหน

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องบรรยากาศในการทำงาน พี่ๆเขาเป็นเฟรนลี่กันทุกคนเลยละครับ มีปัญหา อะไรปรึกษาพี่ๆเขาได้หมดเลย เล่นมุขยิงมุขกันยังได้เลยละ เพราะฉะนั้นทำให้บรรยากาศเป็นกันเองทำงานได้เรื่อยๆไม่เครียด พอพักเที่ยงก็อาจจะเล่น Board game หรือ เล่นเกมส์กันเพื่อผ่อนคลายตอนพักเที่ยงก็มีครับ ส่วนขนมต่างๆ น้ำหวาน พี่ๆเขาก็มีให้กินได้ตามสบายเลยแถมในบางครั้งพี่ๆเขาก็เลี้ยงข้าวเราหรือพาไปกินร้านอาหารกันทั่งออฟฟิศตามในแต่ละโอกาสต่างๆก็มีให้เห็นบ่อยๆครับไม่อดตายแน่นอน

จากที่ผมเล่ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์ทำงานจริง ประสบการณ์การทำงานเป็นทีม การรับผิดชอบงานที่ตัวเองไดด้รับมอบหมาย ได้เจอกับสภาพแวดล้อมในการทำงานจริงๆ และอะไรอีกเยอะแยะมากมาย ต่างได้รับประโยชน์ในแต่ละอย่าง อย่างครบถ้วนเลยละครับ

สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่ทุกคนสำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมา ในเรื่องประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างมากมาย และบรรยากาศในการทำงานที่ดีๆแบบนี้ และถ้าผมผิดพลาดอะไรไปก็ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณจากใจจริงๆครับ